"อนุทิน" ลงพื้นที่ชายแดนสุรินทร์ เยี่ยมผู้ประสบภัย ให้คำมั่น เร่งเยียวยาประชาชน สร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัย หอกระจายข่าว รับมือเหตุฉุกเฉิน
วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่อาคารโดมโรงเรียนพนมดงรักวิทยา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีประชาชนกว่า 2,000 คนเข้าร่วม โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปะทะ รวมถึงผู้สูงอายุ เด็ก และกลุ่มเปราะบางที่ต้องเผชิญกับการอพยพและชีวิตที่ไม่แน่นอน นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะทักทายประชาชนอย่างใกล้ชิด รับฟังปัญหาและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ก่อนกล่าวให้กำลังใจ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ใครต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง
นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเยียวยาอย่างเร่งด่วน ทั้งการจ่ายเงินชดเชยผ่านธนาคารออมสินภายในสัปดาห์หน้า ไปจนถึงการจัดสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัย และหอกระจายข่าวเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการดูแลเรื่องหนี้สินและปัญหาสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของครอบครัวในพื้นที่
“วันนี้เราไม่ได้มาเพียงเพื่อปลอบใจ แต่เรามาเพื่อยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานแทนพี่น้องทุกคน ความทุกข์ขอให้ส่งต่อมาให้รัฐบาล ส่วนความสุขเราขอมอบคืนกลับไปให้กับประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะใช้ทั้งมาตรการด้านความมั่นคงและการทูต เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยไม่เสียเปรียบ และผลประโยชน์สูงสุดตกแก่คนไทยทุกคน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเครื่องแต่งกายให้กับตัวแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จาก 3 อำเภอชายแดน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ บริเวณชายแดนไทย กัมพูชา ว่าจะให้ได้วันไหน นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้เงินถูกถ่ายโอนมายังธนาคารออมสินแล้ว ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเราจะทำการจ่ายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทยอยจ่ายตามบัญชีที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ นายอนุทินน ย้ำว่า จ่ายแน่สัปดาห์หน้า
ส่วนการนำทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ร่วมลงพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์ครั้งนี้นั้น นายอนุทิน ระบุว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจหลายท่านมีความเป็นมืออาชีพมีความสามารถเกร่งกล้า การที่พาพวกท่านได้มาดูหน้างานด้วย ว่าเศรษฐกิจในต่างจังหวัดเป็นอย่างไร ส่วนภูมิภาคเป็นอย่างไร ชายแดนเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ใช่เศรษฐกิจแบบไฮเทค และไม่ใช่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีเงินจำนวนมาก แต่เป็นเรื่องพืชผลทางการเกษตร ด้วยวิธีชาวบ้าน และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน สิ่งเหล่านี้ทีมรัฐมนตรีที่ลงมาด้วยจะได้เห็นภาพ เพื่อจะได้นำประสบการณ์มาทำงานออกมาตรการที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
ส่วนการที่จังหวัดสุรินทร์เสนอมาตรการ 19 โครงการ วงเงินกว่า 600 ล้านบาท เพื่อเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ นั้น นายอนุทิน ระบุว่า นี่เป็นเพียงแค่จังหวัดเดียว ผู้ขอก็ต้องขออย่างเต็มที่ อย่างไรกระทรวงมหาดไทยก็ต้องนำเรื่องนี้ผ่านเข้าไปกลั่นกรองอยู่ดี หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกบาททุกสตางค์เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน ตนก็พร้อมสนับสนุน
Advertisement