"ผบ.เหล่าทัพ"ส่งต่อภารกิจ"ปิด-สร้าง-สู้" ชายแดนไทย-กัมพูชา มอง19ปี"รัฐประหาร"49วันนี้ "ทหาร"ได้การยอมรับจาก“ประชาชน”จากการเสียสละ“เลือดเนื้อ-ชีวิต”
(19 ก.ย.68) พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แถลงภายหลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ได้ฝากภารกิจให้กับ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ คือเรื่อง “ปิด-สร้าง-สู้” โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งด่านถาวร และด่านชั่วคราว ซึ่งเราได้เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน
เรื่องการสร้าง คือ การสร้างรั้วตามชายแดน และการสร้างแนวป้องกัน เพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ
เรื่องการสู้ คือ เรื่องการใช้กำลังตามแนวชายแดนที่มีการปรับรูปแบบไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2554 ที่มีการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ ที่มีการลักลอบวางระเบิด บินโดรน และการใช้มวลชนกดดัน ซึ่งการใช้กำลังต้องถูกต้องตามกฎหมายเรา และกฎหมายสากลระหว่างประเทศ
เมื่อถามถึงกรณี นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงท่าทีมีความพร้อมสู้ถ้าไทยรุกกัมพูชา ฝ่ายไทยมีการเตรียมพร้อมอย่างไร พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ที่เราปฏิบัติตั้งวันที่ 24 ก.ค.เป็นต้นมา ฝ่ายไทยเตรียมพร้อมตลอดเวลา วันนี้จึงต้องมีส่งต่อให้ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ เพื่อไม่เป็นภาระของ ผบ.เหล่าทัพ รุ่นต่อไป ตนชื่นชม ผบ.เหล่าทัพ ในวันนี้ ทุกคนเห็นพ้องกันในเรื่อง ‘สู้-สร้าง-ปิด’ คือมาตรการที่ใช้อ้างอิงเพื่อปกป้องประเทศได้
เมื่อถามย้ำว่า ในขณะนี้มีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ และเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จะมีรอยต่อระดับการเมืองและนโยบายหรือไม่ พลเอก ทรงวิทย์ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงการเมือง แต่ในระดับกองทัพต้องมีการเชื่อมต่อกัน โดยคณะผู้บัญชาการทางทหารได้พูดคุยทั้ง ผบ.เหล่าทัพ ชุดเก่า และใหม่ มาร่วมคิด และประชุมร่วมกัน ซึ่งมติในวันนี้จะส่งไปยังรัฐบาล ตรงนี้เป็นตัวเชื่อมสำคัญที่สุด โดยตัวเชื่อมที่ท่านมองไม่เห็น คือ จิตวิญญาณนักรบ วันนี้เราต้องสดุดีคนตัวเล็ก ๆ ที่มาปกป้องแผ่นดิน ไม่ว่า ผบ.เหล่าทัพ ฝ่าย เสธ. จะเก่งแค่ไหน สุดท้ายคนที่แลกด้วยชีวิต ก็คือทหารตัวเล็ก ๆ ที่อยู่แนวหน้า ซึ่งที่ประชุมทุกคนรู้สึกซาบซึ้ง ในบุญคุณทหารทุกคนที่เสียไป ที่ยังอยู่ และที่บาดเจ็บ
ขณะที่เรื่องแนวรั้วลวดหนามที่เราสร้างในเขตไทย แต่ฝ่ายกัมพูชาเอาโล่ห์มนุษย์มารื้อ จะดำเนินการอย่างไรนั้น พลเอก ทรงวิทย์ กล่าวว่า ได้คุยกับ ผบ.ตร. โดยเมื่อวานนี้ รอง ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ไป เพื่อดูเรื่องกฎหมาย และวิธีการปฏิบัติตามที่ศาลของไทยได้ตัดสินเรื่องการตวบคุมฝูงชน 7 ขั้นตอน ซึ่งจะวิธีที่เสริมเติมขึ้นมา โดย ผบ.ตร. ให้คำมั่นจะร่วมงานกับกองกำลังป้องกันชายแดน ซึ่งถ้าใช้กฎหมายเข้มข้น สถานการณ์จะไม่บานปลาย และเราสามารถชี้แจงกับต่างชาติได้
อย่างไรก็ตาม สื่อได้ถามว่าครบรอบ 19 ปี เหตุรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 บทบาทกองทัพเปลี่ยนแปลง และจากเหตุการณ์สู้รบทำให้ทหารได้รับการยอมรับมากขึ้น พลเอก ทรงวิทย์ คิดว่า การยอมรับของประชาชน มาจากการเสียสละของคนทั้งเลือดเนื้อ และชีวิต อีกทั้งความเสียสละของผู้นำกำลังทหารต่าง ๆ ที่แสดงว่า เป็นทหารอาชีพ กองทัพเห็นว่า สิ่งเหล่านี้เหมาะ และควร เราจะต้องดำรงเจตนาของนักรบ และทหารของแผ่นดิน เพื่อรักษาไว้ โดยตนได้บอกกับคนรุ่นใหม่ว่า สิ่งต่าง ๆแรกมาด้วยเลือดเนื้อ และชีวิต อีกทั้งความนับถือ และเชื่อมั่นของประชาชน ก็แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต เราจึงต้องรักษาจิตวิญญาณของนักรบที่เสียสละไป ให้อยู่คงนานที่สุด
Advertisement