วันที่ 9 ก.ย. 68 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” ต่อกรณีนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางกลับประเทศไทยว่า สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยครั้งนี้ เหนือความคาดหมาย และตนเองมองว่าเป็นไพ่ใบสุดท้าย เพราะหากหนีทุกอย่างพังหมด ทั้งอนาคตของนายทักษิณเอง และอนาคต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกมนตรี ผู้เป็นน้องสาว ไม่ได้กลับบ้านแน่นอน พร้อมกับการล่มสลายของพรรคเพื่อไทย และการเดินทางกลับครั้งนี้ไม่ได้มองถึงเรื่องดีล แต่คิดว่าเป็นเรื่องของครอบครัวที่นายทักษิณ ต้องเสียสละ ที่ต้องรักษาพรรค และครอบครัวของนายทักษิณ ไว้
สำหรับการพิพากษาของศาลฎีกานั้นตนมองว่า คดีของนายทักษิณ มีการบังคับโทษหรือยัง หลังจากมีคำพิพากษาจำคุก 8 ปี โดยมีการพระราชทานพระอภัยลดโทษ นายทักษิณ เหลือจำคุก 1 ปี แต่กรมราชทัณฑ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากอาการป่วยของนายทักษิณนั้น จึงต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริงว่ามีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ ที่จะต้องไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 180 วัน และในส่วนอาการบาดเจ็บดังกล่าว ตนเองมองว่าในคืนวันที่ 22 ส.ค. 66 ที่นายทักษิณอ้างว่ามีความกังวลหัวใจขาดเลือด และต้องเข้าไปรักษา พร้อมทั้งการผ่าตัดนิ้วล็อก และการผ่าตัดเส้นเอ็นไหล่ฉีก ทั้งหมดนี้มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ มีการเอื้อประโยชน์หรือเปล่า ถ้าทั้งหมดนี้ไม่สมเหตุสมผล อาจจะต้องกลับมาติดคุก ส่วนในมุมของตนเองมองว่าหลังจากที่เข้าไปรับฟังการไต่สวนทั้งหมด 7 นัด รวม 31 ปาก ที่ผ่านมาผลพิจารณาคดีในพรุ่งนี้ 99.99 % ไม่น่าเป็นคุณกับนายทักษิณ และจะต้องถูกจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที
สำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของนาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตนมองว่าไม่ได้สะอาดใสซื่อบริสุทธิ์ เพราะยังมีประเด็นเรื่องเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. แต่ก็ยังเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ ถือว่าสังคมยังให้โอกาสนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องตระหนักก็คือ 1. การแต่งตั้ง ครม. อย่าเอาคนที่มีมลทินเข้ามา โดยเรียนรู้ได้จากรัฐบาลที่ผ่านมา โดยอย่าให้ตำแหน่งเพื่อตอบแทนบุญคุณ 2. สิ่งที่นายอนุทิน เคยประกาศไว้ ว่าจะยกเลิก MOU 43,MOU 44 ก็ควรจะต้องยกเลิก 3. การทุจริตคอร์รัปชันอย่าพยายามให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นพรรคภูมิใจไทยก็ไปไม่รอด
สำหรับเรื่อง MOA เป็นการเมืองของพรรคเพื่อไทย โดยอย่าลืมว่าช่วงจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาชนเนื้อหอม มีทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมาเสนอตัว ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ แต่บังเอิญภูมิใจไทยกลับถูกเลือก ทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดอาการเกเร จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ปมลงนาม MOA ร่วมกับพรรคประชาชน แต่อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยก็ทำเช่นเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทยกลับเป็นผู้ที่ไม่ถูกเลือก เท่านั้นเอง และวันนี้ตนเองเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยจึงต้องถอนในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการที่นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในเรื่องดังกล่าวตนเองก็มองไปในทิศทางเดียวกัน และนักกฎหมายก็มองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องข้อกฎหมายที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยเป็นข้อตกลงที่เปิดเผยต่อสาธารณะเท่านั้นเอง ส่วนในข้อตกลงที่บอกว่าจะเป็นรัฐบาลเพียงแค่ 4 เดือน หลังจากนั้นให้มีการยุบสภา ตนมองว่าไม่สามารถคาดเดาได้ หากผลงานดีอาจจะอยู่ต่อ โดยเรื่องที่จะล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจจะเป็นเผือกร้อน ทำให้รัฐบาลชุดนี้ไปต่อไม่ได้
พรรคภูมิใจไทยอันดับแรกต้องมองเรื่องของปัญหาปากท้องประชาชน ปัญหาหนี้สินครัวเรือน และปัญหาดินแดนที่มีข้อพิพาทกับกัมพูชาอยู่ในขณะนี้ ถ้าทำได้อาจจะไปได้ยาว อยู่ที่ใจของรัฐบาลแล้ว
Advertisement