จากกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกรัฐบาล ได้โพสต์รูปสุนัขตัวหนึ่งคาบส้ม พร้อมข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับ นายจักรภพ เพ็ญแข บอกว่าวันนี้ไปหาท่านชัยเกษมที่บ้าน ซึ่งไปหลายครั้งแล้ว เพราะว่ารู้จักเป็นการส่วนตัว และได้มีการพูดคุยถึงการเตรียมตัวว่าจะเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ ตนเองเคยเห็นการจัดรัฐบาลในยุคของทักษิณ 2 และยุครัฐบาลสมัคร และมาเห็นในชุดนี้ในรัฐบาลแพทองธาร เลยได้รับประสบการณ์มาบ้าง และนำประสบการณ์เหล่านั้น มาทำเช็คลิสต์ให้ว่าที่นายกฯคนใหม่ ได้สำรวจตรวจสอบ หากการเดินทางไปถึงครั้งนั้น
ซึ่งตอนนี้อยู่ในการแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นท่านมีความมั่นใจและมั่นคงและรู้หน้าที่ดี ท่านไม่ใช่คนประเภทที่จะกระวนกระวายหรือตะเกียกตะกาย เหมือนที่ท่านเคยพูดว่า คงจะไม่ไขว่คว้า แต่ต้องทำหน้าที่ การเมืองเราต้องทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจ แต่ความมั่นใจไม่ได้แปลว่าจะต้องโอหัง เพราะประเทศนี้เป็นของประชาชนทุกคน หากมีใครรวมเสียงข้างมากได้ก่อน เราก็ต้องยอมรับ แต่เราก็ต้องเต็มที่
ส่วนที่ท่านให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาว ตนมองว่าท่านชัยเกษมคงพูดในสภาวะปกติว่าเมืองไทยเราไม่แล้งคนดี หากมีการติดขัดทางการเมือง ก็จะมีการปรับโครงสร้างทางการเมือง และได้คนมาหน้าที่ แต่ตอนนี้เรากำลังไปตามรัฐธรรมนูญ ก็คือคุณชัยเกษม ที่เป็นอดีตอัยการสูงสุด เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาทำหน้าที่ เป็นผู้เตรียมตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เตรียมด้วยความเห่อเหิม ขณะเดียวกันท่านพูดในภาพรวมว่า ประเทศไทยจะไม่ขาดคนที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญ ซึ่งตอนที่ตนเองคุยนั้น ท่านชัยเกษมไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไร ท่านเป็นคนสุขุม สงบ และเป็นนักฟังมากกว่านักพูด ท่านเป็นคนใจดีมาก ไม่มีความตึงเครียด ดูเรียบเฉย แต่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ขันมาก
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณไม่เอาท่านชัยเกษม และเตรียมผู้ที่มีอำนาจบารมีไว้นั้น ไม่เป็นความจริง ท่านชัยเกษมคือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและคือคนเดียวที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุน เมื่อวานนี้ท่านอดีตนายก เดินทางไปยังพรรคและให้ความเห็นชัดเจนว่าพรรคจะสนับสนุนท่านชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎร ต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากรัฐบาลหนึ่งไปสู่รัฐบาลหนึ่ง เป็นของที่คิดเฉพาะรัฐบาลไม่ได้ ต้องคิดถึงนโยบาย ผลกระทบต่อเรื่องของการเมือง เพราะฉะนั้นข่าวที่ออกมาเป็นแค่เพียงความกังวล เราต้องทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญ เป็นตัวเลือกอื่นคงไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่มีกระแสงูเห่าภายในพรรคนั้น ตนเองมองว่ามีทุกที่ แต่ที่สำคัญเรื่องงูไม่เท่ากับความคิดเห็นว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งกัน สิ่งที่พรรคการเมืองทุกพรรคพยายามทำ ก็คือการทำให้ทุกคนปรองดองกัน ต้องยอมรับว่าบทบบาทเงินมีบทบาทสำคัญ จนกระทั่งช่วงวันถึงสองวันที่ผ่านมา บางพรรคถึงต้องพูดกันว่านายทุนไม่มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นต้องระวังไม่ให้เงินมีบทบาทในการเมือง จะผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม หลายท่านที่ตั้งใจจะย้ายไปพรรคอื่น ก็เพราะมีปัญหาภายในพรรค ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เกี่ยวกับเรื่องนโยบาย เรื่องตำแหน่งหน้าที่ สังคมอาจจะเรียกว่างูเห่า เพราะแปลพรรคไปในยามที่ละเอียดอ่อน แต่มองว่าย้ายพรรคไปแล้วอาจจะตายเหมือนที่เคยมีในอดีต ต้องคิดให้ดี เพราะตอนนี้ไม่มีความลับ การเป็นงูเห่าไม่สำคัญกว่าการที่รับเงินและไปรวมอยู่ด้วยกันในนามพรรค ซื้อคนไม่ห่วงเท่าซื้อพรรค
ตอนนี้ทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้เร็วที่สุด เพราะต้องการให้ระบบ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบอบของประชาธิปไตยให้ดีที่สุด ซึ่งใครจะตัดสินอย่างไร ใครอยู่หรือไปทางการเมือง ก็คือประชาชนทั้งประเทศ
ส่วนที่มีการขู่กันไปมาว่าจะยุบสภานั้น ไม่มีใครขู่ใครได้แล้ว หากพรรคเพื่อไทยมีเวลาสักนิดนึง ที่จะทำงานต่างๆที่ค้างไว้ให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้ง จนไม่เป็นอันทำงาน แต่ตอนนี้โค้งสุดท้ายแล้ว ตนเชื่อว่าประชาชนเห็นแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร คนส่วนใหญ่เลือก คนส่วนน้อยถอน เริ่มเห็นความไม่ถูกต้อง สุดท้ายเราก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองในการเลือกตั้งเหมือนกัน เพียงแต่ว่า หากมีเวลาในการทำงานให้สำเร็จมากขึ้น เนื่องจากโดนกันในช่วงที่ผ่านมา แต่หากจะโดนกันอีกก็ไม่กลัวแล้ว เชื่อว่าประชาชนเห็นแล้วว่าใครเป็นคนกัน ใครคอยสกัดกั้น คิดว่าน่าจะเป็นจังหวะที่ลงตัวของเพื่อไทย คือหมายความว่ามีโอกาสได้สร้างผลงานอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งพูดเป็นหลักเดือนไม่ใช่หลักปี และหลังจากนั้นก็ต้องยุบสภา เพราะไม่นานรัฐบาลชุดนี้ถึงไม่ยุบก็ต้องหมดวาระและเลือกตั้งใหม่
ส่วนที่โพสต์รูปหมาคาบส้มและข้อความนั้น ตนเข้าใจว่าพรรคประชาชนต้องการเป็นฮีโร่ แต่อยากให้พรรคประชาชนคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม การมีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ หรือการมีพรรคการเมืองที่พรรคประชาชนโหวตทำลายได้ทุกเมื่อ อาจจะไม่ใช่ภาวะที่ประเทศควรจะเป็น แต่เรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ พรรคประชาชนกำลังเสี่ยงหลายอย่าง เสี่ยงที่กำลังเล่นบทพระเจ้าทางการเมือง ที่ตัดสินว่าใครจะอยู่หรือจะไป ซึ่งมองว่าอันตราย ต่อมาการที่จะไปร่วมกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่มีคดีความติดตัวจนลายพร้อยไปหมด ก็อันตรายต่อพรรคประชาชน ซึ่งผลสำรวจก็ออกมาว่าประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคประชาชนไม่เห็นด้วย
ต้องถาม สส.ว่าเห็นด้วยกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พูดง่ายๆตนคิดว่าพรรคประชาชน เดินทางมาถึงจุดแห่งการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ การเลือกทางการเมือง ไม่ได้เลือกให้ถูกต้องเสมอไป อย่าตัดสินใจทางการเมืองว่าคนจะเกลียดหรือรัก ให้ตัดสินบนหลักของความถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ต้องยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง หากจะพูดให้ชัดเจน คืออย่ากลัวการตัดสินใจ ตราบใดที่การตัดสินใจนั้นถูกต้อง การไม่ตัดสินใจบางครั้งเป็นความผิดพลาด เนื่องจากทำให้เกิดการล่วงเลยโดยที่ไม่จำเป็น ขณะเดียวกันการตัดสินใจก็ต้องเป็นประชาธิปไตย วันนี้ท่านชัยเกษมคือทางออกของประเทศไทย ที่จะทำให้สงบร่มเย็น ท่านแคนดิเดตนายกฯ ที่ชื่อชัยเกษม เป็นตัวของตัวเอง ท่านฟังเสียงและฟังสมาชิก การที่ท่านเป็นตัวของตัวเอง มองว่าจะเป็นการยกระดับการเมืองในช่วงนี้ ถ้ามีนายกฯชื่อชัยเกษม ประเทศจะสงบร่มเย็นขึ้น
Advertisement