(6 ส.ค. 2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 8/2568 โดยมี นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่สุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุม ที่กระทรวงสาธารณสุข
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้บริหาร ที่ ครม. มีมติแต่งตั้ง คือ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายยุพราช บัวอินทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายฐิติพันธ์ จูจันทร์โชติ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเมฆิน เอี่ยมสะอาด เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องต่อสู้ทั้งเรื่องน้ำท่วม และปัญหาเรื่องชายแดน
โดยสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ปัจจุบันมีแนวโน้มคลี่คลายแล้ว แต่ตนก็ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกาะติดสถานการณ์และเร่งประเมินความเสียหาย เพราะหลายพื้นที่ได้รับความเสียหายมาก เช่น จ.น่าน มีตัวเลขการประเมินเบื้องต้น เสียหาย 275 ล้านบาท ซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหา ส่วนเรื่องปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตนได้ประนามกัมพูชา ที่โจมตีโรงพยาบาลไปแล้ว ในวันพรุ่งนี้ ตนก็จะเดินทางไปจังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามเรื่องการเยียวยาประชาชนที่ต้องอพยพ โดยเรื่องนี้ ตนก็ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำเบอร์โทรติดต่อตรง ในการขอเข้าศูนย์อพยพ ซึ่งขอทำให้ง่ายขึ้นในการประสานงาน จะได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนผลกระทบต่อสถานบริการ ได้รับรายงานล่าสุดว่า โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 20 แห่ง เปิดปกติแล้ว 5 แห่ง ปิดบริการบางส่วน 12 แห่ง และปิดบริการ 3 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 149 แห่ง เปิดปกติแล้ว 37 แห่ง ปิดบริการบางส่วน 31 แห่ง และปิดบริการ 81 แห่ง ส่วนทีมปฏิบัติการในพื้นที่ มีทั้งหมด 1,182 ทีม มีการดูแลจิตใจประชาชน โดยคัดกรองแล้วทั้งหมด 79,326 ราย พบว่า เครียดสูง 4,452 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 492 ราย
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ ยังได้รับทราบโครงการมอบโควตาและสิทธิพิเศษทางการศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้โครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัว ตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย (9 หมอ) โดยได้มีการให้โควต้า และสิทธิพิเศษ สำหรับ บุตร ธิดา คู่สมรส หรือพี่น้องร่วมสายโลหิตของข้าราชการทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และประชาชนที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือ ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หรือ ต่ำกว่าปริญญาตรี โดยเข้าศึกษาฟรี ตลอดระยะเวลาของหลักสูตร และให้เสนอคณะรัฐมนตรีให้บรรจุเป็นข้าราชการเมื่อสำเร็จการศึกษา และกลับไปปฏิบัติงาน ณ รพ.สต.ที่บ้านเกิด ภายใต้โครงการ 9 หมอ
ขณะที่ นายอนุชา กล่าวว่า ตนขอเป็นกำลังให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ได้ปฎิบัติงานชายแดนไทย-กัมพูชา โดยตนได้มีโอกาสเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทราบว่า ทุกคนเหนื่อยมาก และตอนนี้ สิ่งที่น่าห่วงคือโรคติดต่อ โดยบุคลากรทางการแพทย์ ในฐานะส่วนหน้า ก็ขอให้ระมัดระวังตัวเองด้วย
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวง โดยมีเรื่องอุทกภัยภาคเหนือ และเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสนใจกับศูนย์พักพิง โดยหากการเจรจากับกัมพูชาวันพรุ่งนี้สิ้นสุดลง ประชาชนก็ต้องอพยพกลับเข้าพื้นที่ ดังนั้น การดูแลประชาชน ก็ต้องมีทีมปฎิบัติการแพทย์เข้าไปช่วย ส่วนการประเมินความเสียหายจากการสู้รบ เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุข พบความเสียหายมากที่สุดคือ รพ.พนมดงรัก ประมาณ 46 ล้านบาท ส่วนมูลค่าความเสียหายทั้งสิ่งก่อสร้างและวัสดุทั้งหมดประมาณ 146 ล้านบาท ก็ต้องดำเนินการร่วมในการฟ้องคดีกับผู้ที่กระทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามผลกระทบจากพายุวิภา โดยที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ จ.น่าน ค่าเสียหายประมาณ 275 ล้านบาท รวมทั้งภาคเหนือประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ ตนก็จะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามศูนย์พักพิง
เมื่อถามว่า การมอบโควตาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีแผนเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ 10 ปี ส่วนโควตาเรียนในรายละเอียดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ เพราะขณะนี้ ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เนื่องจากมีหลายคนมองว่า โควต้าเรียนแพทย์คงให้ไม่ได้ เพราะต้องดูรายละเอียดการเรียนด้วย แต่ในส่วนวิชาชีพอื่น อย่าง พยาบาล ก็จะมีรายละเอียดว่าจะได้อย่างไร โดยในส่วนกระทรวงสาธารณสุข ก็ยืนยันว่า ต้องช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นบริเวณชายแดน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้เกิดความสบายใจว่า ไม่มีโรคติดต่อ เพราะทหารที่เสียชีวิต เป็นคนแข็งแรง ไม่ใช่คนป่วยมารบ ดังนั้น โรคระบาดไม่น่าเป็นห่วง ส่วนกลิ่น ก็ได้รับคำแนะนำจากกรมอนามัย กรมควบคุมโรค อาจมีสเปรย์บรรเทากลิ่น แต่ถ้าป้องกันกลิ่นได้คือ หน้ากากอนามัย N95 โดยกรมอนามัย ได้จัดส่งไปแล้ว 3,000 ชิ้น ตามความต้องการของพื้นที่
Advertisement