วันที่ 4 ส.ค. 68 สื่อมวลชนกัมพูชารายงานข่าว อ้างคำแถลงด่วนของ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาว่า วันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 11.00 น. ไทยได้ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิด และเครื่องจักรเข้าสู่พื้นที่อันเซ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่เป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชา และวางลวดหนาม แม้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะห้ามไว้ก็ตาม
พล.ท.มาลี อ้างว่า กัมพูชาเพิ่งจัดให้ผู้ช่วยทูตทหารต่างชาติเยือนพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 68 ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชา การกระทำนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดต่อสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ รวมถึงภูมิภาคโดยรวม
ต่อมาที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 กล่าวถึงกรณี พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงการณ์อ้างทหาร ไทยพร้อมอาวุธละเมิดข้อตกลงจุดยิงด้วยการบุก ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า เรายึดช่องอานม้าได้ก่อนมีมติหยุดยิง เพราะฉะนั้นเป็นพื้นที่ที่เราต้องควบคุมไว้อยู่แล้ว และเป็นเส้นเขตแดนของประเทศไทย กำลังทหารก็ต้องอยู่บริเวณนั้น
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทางกัมพูชา ได้ละเมิด MOU43 ด้วยการ สร้างบ้านเรือนและตลาดและรุกล้ำเข้าอธิปไตยไทยช่องอานม้าจำนวน 70-80 หลังคาเรือน พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ใช่ กัมพูชาละเมิด MOU43 ด้วยการสร้างอนุสาวรีย์ตาอม สร้างชุมชนและตลาด ซึ่งปัจจุบันนี้เราห้าม เพราะการดำเนินการดังกล่าว ผิดข้อตกลงมานานแล้ว จะไม่ให้มีคนเข้ามาอยู่ในตลาดและบ้านเรือนบริเวณนั้นอีกแล้ว
Advertisement