วันที่ 31 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรร่วมเริงชัย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่2 จ.นครราชสีมา พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่2 ได้เป็นตัวแทน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 รับมอบสิ่งของจากพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่นำสิ่งของมามอบให้กับทหารไทยแนวหน้า เป็นธารน้ำใจที่หลั่งไหลสู่ชายแดน ทั้งจากหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน รวมทั้งพระสงฆ์ ประชาชน นักเรียน นักศึกษาต่างร่วมใจ เดินทางมามอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับทหารที่เสียสละปกป้องประเทศในเขตชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ณัฏฐ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแม่ทัพภาคที่2 ได้บังคับบัญชากำลังพลหน่วยต่างๆอย่างใกล้ชิ ดอยู่ในสนามรบอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกนาย
ทหารมีหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติ หากไม่ใช่ช่วงวิกฤตพี่น้องประชาชนอาจจะมองไม่เห็นความสำคัญชัดเจนเท่าไหร่นัก บางคนอาจจะคิดว่าทหารมีไว้ทำอะไร บางคนคิดไปถึงขั้นว่าจะต้องลดกำลังทหารลง แม้กระทั่งการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อาจมองดูว่าสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากมองว่าทุกวันนี้ไม่มีภัยคุกคาม ไม่มีข้าศึกศัตรู ไม่มีสงครามแล้ว สถานการณ์นี้แสดงให้พี่น้องคนไทยได้เห็นว่าโลกที่สงบสุขไม่มีอยู่จริง เช่น การปะทะของอิสราเอลกับอิหร่าน เหตุการณ์ในอิรักหรือซีเรีย หรือยูเครนกับรัสเซีย แม้กระทั่งความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
พล.ต.ณัฏฐ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เราอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว ในเมื่อพอมีเหตุใกล้ตัวกับประเทศเพื่อนบ้านเราจนเกิดการปะทะ ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริง ความขัดแย้งมีอยู่ตลอด อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากข้อมูลทางการทหารบางอย่างเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อกองทัพ หรือประเทศชาติได้ทำให้หลายภาคส่วนอื่นๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจ
ที่ผ่านมาทางกองทัพจะใช้การเจรจาพูดคุยเบื้องต้นกับประเทศเพื่อนบ้านก่อนที่มีปัญหา เนื่องจากไม่อยากให้คนในชาติทั้งสองชาติเป็นศัตรูกัน มีความพยายามที่จะใช้สันติวิธีในการที่จะพูดคุย และพยายามที่จะอดทนกดกลั้นอย่างถึงที่สุด
“พล.ท.บุญสิน พยายามที่จะคลี่คลายสถานการณ์มาตลอด จนถึงที่สุดต้องใช้กำลังทหาร แม้ว่าทางเราจะมีกำลังทหาร และยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า แต่ก็เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย กัมพูชาเพิ่งผ่านภาวะสงครามการเมือง ตนอยู่ชายแดนมาตั้งแต่เรียนจบ ตนเองเป็นคนสุรินทร์ พูดภาษาเขมรได้ อยู่พื้นที่มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่เขมรแตกแยกตีกันอยู่ในประเทศ เคยเข้าไปช่วยรบ และช่วยอพยพประชาชนชาวเขมรที่บ้านแตกสาแหรกขาดจนมาถึงปี 40 ได้เข้าไปช่วยเหลือสร้างความปรองดองในประเทศกัมพูชาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนเมื่อ พ.ศ. 2554 กองกำลังกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้นได้หันกลับมารบกับประเทศไทย”
“จากนั้น 14 ปี ต่อมาพ.ศ.2568 ในครั้งนี้กัมพูชากล้ารบกับเราอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ผ่านมาเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง ในครั้งนี้เราใช้กองกำลังทางอากาศไปโจมตีหลายครั้ง แต่เขายังอยู่ได้ เราจึงต้องกลับมาทบทวน ข้อเสียของคนไทยคือเมื่อมีศึกสงครามเราจะรวมใจกันสู้ แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป เราก็จะสู้กันเอง ความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าให้ความเห็นที่แตกต่างนำมาซึ่งความแตกแยก เราแตกแยกกันมานานมาก เราแย่ตรงไหน เราควรแก้ไข คนไทยทุกคนมีส่วนในการช่วยกันแก้ไข”
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพร้อมเต็มที่ในการปกปักรักษาอธิปไตยของชาติไทย พยายามให้เกิดผลเสียกับพี่น้องประชาชนภาพรวมของประเทศน้อยที่สุด ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เดินทางมาด้วยใจร่วมแรงร่วมใจบริจาคสิ่งของให้กับทหารชายแดน หลังจากนี้เดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าให้กำลังใจครอบครัวของผู้ที่สละชีพเพื่อบ้านเมือง
Advertisement