เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 31 ก.ค. 68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการกระทำของกัมพูชาว่า ตอนนี้ยอดของผู้ช่วยทูตทหารยังไม่นิ่ง ซึ่งการพาผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่อยู่ในแผนของกองทัพบกอยู่แล้ว โดยจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพราะต้องการเน้นเรื่องคุณภาพในการสื่อสาร และเชื่อว่ามีสื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งตัวแทนจากต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในหน่วยงานราชการ เช่น ผู้ช่วยทูตทหารที่ให้ความสนใจ ช่วงนี้มีจำนวนมากกว่าจะนัดหมายได้อาจต้องใช้เวลา ขอให้สื่อมวลชนอย่าพุ่งเป้าเรื่องความเร็วอย่างเดียว แต่เราเน้นองค์ประกอบของการสื่อสารได้จำนวนมาก
โดยบุคคลที่กองทัพบกเชิญไป มีบทบาทในการสื่อสารข้อมูลเชิงคุณภาพที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทั้งข้อมูลทหารและรัฐบาล เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ไม่เหมือนกับที่กัมพูชาพยายามบิดเบือน โดยเราจะให้ข้อเท็จจริงที่กัมพูชาปฏิบัติกับพลเรือนไทย ซึ่งมีความเสียหายของโรงพยาบาลถึง 20 แห่ง
ทั้งนี้ อาจจะพาไปได้ไม่ครบทุกจุด แต่จะมีการแบ่งกลุ่มการลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค. 68) ซึ่งจะไปทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นในช่วงหนึ่งวันจะสื่อสารให้เห็นภาพรวม เพื่อให้เห็นข้อมูลในเชิงประจักษ์ ไม่ใช่การพูดลอยๆ
สำหรับผู้นำคณะต่างประเทศลงพื้นที่นำโดย พล.ท. อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก ทั้งนี้นอกจากผู้ช่วยทูตทหารแล้ว ยังมีเอกอัครราชทูต ซึ่งประสานผ่านทางกระทรวงต่างประเทศมา รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในไทยอย่างน้อย 10 สำนักขึ้นไป
ส่วนกรณีที่กัมพูชานำคณะสื่อและผู้ช่วยทูตทหารต่างชาติ ลงพื้นที่ชายแดนตรงข้ามช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีนั้น โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จริงๆ แล้วตรงนั้น ถือว่าเป็นพื้นที่อันตรายอยู่ ซึ่งการที่กองทัพบกจะพาคณะผู้ช่วยทูตลงพื้นที่ จะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
Advertisement