Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศบ.ทก. ยํ้า ไทยพร้อมเจรจา GBC 4 ส.ค. เร่งชี้แจงสถานการณ์ทั่วโลก

ศบ.ทก. ยํ้า ไทยพร้อมเจรจา GBC 4 ส.ค. เร่งชี้แจงสถานการณ์ทั่วโลก

30 ก.ค. 68
14:46 น.
แชร์

ศบ.ทก. ยํ้า ไทยพร้อมเจรจา GBC 4 ส.ค.นี้ รอกัมพูชาส่งหนังสือเชิญ เผย สถานทูต-กงสุลใหญ่ไทย ทำงานเชิงรุก เร่งชี้แจงสถานการณ์ทั่วโลก

วันที่ 30 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า จากที่มีการตกลงหยุดยิงทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังปรากฏการคุกคามของประเทศเพื่อนบ้านถึง 4 เหตุการณ์ ทาง ศบ.ทก.จึงอยากขอเน้นย้ำว่า ไทยยังคงยึดมั่นในความอดทนอดกลั้นยึดมั่นในสันติภาพ และปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม แต่หากมีการละเมิดต่ออธิปไตยของไทย มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ขอชื่นชมและสดุจดีวีรชนทั้งหลายที่อยู่ในแนวหน้า ตั้งแต่วันแรกของการปะทะ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่มีส่วนร่วมให้การปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ที่อยู่เบื้องหลัง เช่นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แพทย์และพยาบาล จิตอาสา ที่ช่วยดูแลกองทัพ รวมถึงภาคเอกชนที่มีการบริจาคสิ่งของช่วยเหลือกองทัพ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนไทม์ไลน์การหารือระหว่าง ไทย-กัมพูชา ตามที่มีการตกลงกันไว้ คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ยืนยันว่าขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประชุม รอทางฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญเข้าประชุม GBC ซึ่งฝ่ายไทยมีความพร้อมในรายละเอียดและเนื้อหาในการเจรจา นอกจากนี้ การพูดคุยในระดับแม่ทัพภาคเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น มีข้อตกลงในภาพรวมถึงแนวทางการปฎิบัติร่วมกันของหน่วยทหารทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ คาดว่าจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่สันติภาพในภูมิภาค

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวเลขของผู้อพยพนั้น กระทรวงมหาดไทยได้รายงานว่ามีทั้งหมด 190,104 ราย ที่อยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 780 แห่ง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังมีความเปราะบาง จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ซึ่งประชาชนในศูนย์พักพิงจะสามารถกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อภาครัฐยืนยันว่ามีความปลอดภัย

ด้าน นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานภาพโรงพยาบาลและผลกระทบของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตว่า สำหรับข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาฝั่งพลเรือนประจำวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งเป็นข้อมูลเมื่อเวลา 10.00 น. โดยปัจจุบันพลเรือนที่ได้รับผลกระทบ 53 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ราย มีที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ โดยเป็นพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ปัจจุบันมีพลเรือนที่กำลังแอดมิดอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 11 ราย โดยเป็นผู้ที่มีอาการสาหัส 8 ราย และบาดเจ็บปานกลางจำนวน 3 ราย โดยมีผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านได้แล้วในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งหมด 13 ราย

นพ.วรตม์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบในส่วนของโรงพยาบาลมีทั้งหมดจำนวน 20 แห่งที่ต้องปิดบริการ โดยเป็นการปิดบริการแบบทั้งหมด จำนวน 11 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลน้ำขุ่น โรงพยาบาลน้ำยืน โรงพยาบาลนาจะหลวย โรงพยาบาลกันทรารมย์ โรงพยาบาลภูสิงห์ โรงพยาบาลกาบเชิง โรงพยาบาลพนมดงรัก โรงพยาบาลประสาท โรงพยาบาลบ้านกรวด โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลละหานทราย ส่วนอีก 9 แห่งเป็นการปิดบางส่วนโดยที่ยังเปิดให้บริการในส่วนที่เป็นห้องฉุกเฉินอยู่

สำหรับสถานบริการที่ได้รับผลกระทบในส่วนที่เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในระดับตำบลหรือ รพ.สต. ปัจจุบันได้รับผลกระทบจำนวน 144 แห่ง เป็นปิดบริการทั้งหมด 140 แห่ง และเปิดบริการบางส่วน 4 แห่ง สำหรับภาพความเสียหายโรงพยาบาลปัจจุบันที่วัดได้มีอยู่ 4 แห่ง เป็นความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของฝั่งกัมพูชา ซึ่งยังอยู่ในระหว่างประเมินความเสียหาย อาจจะมีความเสียหายในระดับโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการซ่อมแซมเป็นระยะเวลายาวนาน

สำหรับทีมปฏิบัติการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุข ได้มอบหมายทั้งหมด 1,168 ทีม ให้พร้อมในการดูแลประชาชน ประกอบด้วยทีมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีม Mini Mert ทีมALS และทีมMCATT และทีม SEHRT ปัจจุบันมีการปฏิบัติงานอยู่ 494 ทีม ในเขตพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ

นพ.วรตม์ กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานด้านการดูแลจิตใจซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ปัจจุบันได้มีทีม MCATT และบุคลากรด้านสุขภาพจิตเข้าไปคัดกรองพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะที่อยู่ตามศูนย์พักพิงต่างๆ จำนวน 21,430 คน ผลการประเมินพบว่ามีความเครียดสูงประมาณ 600 คน และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายประมาณ 142 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยา โดยเบื้องต้นเป็นการปฐมพยาบาลทางใจ สำหรับผู้ที่มีอาการหนักก็จะส่งต่อไปยังจิตแพทย์ในโรงพยาบาลจิตเวช หรือส่งเข้าไปรักษาตัวแบบผู้ป่วยในต่อไป

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการต่อการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงประเทศผู้สังเกตการณ์ ได้แก่ จีนและสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เช่นการ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 ก.ค. รวมทั้งยังมีหนังสืออีกฉบับถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรงสำหรับกรณีการละเมิดล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค. ที่ภูมะเขือ

ตามที่กองทัพบกได้ชี้แจงเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วนและเคร่งครัด ในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบันนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ได้มีหนังสือประท้วงไปที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีก โดยเฉพาะหลังจากที่สองประเทศได้ตกลงกันแล้วว่าจะหยุดยิง ซึ่งในขณะนี้มีทหารไทยเสียชีวิตไปอีก 1 นาย

นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับบทบาทของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกต่อการชี้แจงสถานการณ์ไทยกัมพูชา วันเดียวกัน (30 ก.ค.) กระทรวงต่างประเทศได้รายงานให้ที่ประชุม ศบ.ทก.ทราบถึงบทบาทเชิงรุกของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้หลายแห่งได้ร่วมแรงช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ

ทั้งประเทศเจ้าบ้านและประเทศที่อยู่ในเขตอาณา ที่ผ่านมาแต่ละสถานสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ได้แจ้งข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับสถานการณ์ ท่าทีของไทย และหลักการที่ไทยยึดถือให้รัฐบาลและองค์การต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญ สื่อมวลชนท้องถิ่นและชุมชนไทยในที่ต่างๆ ให้ได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน และเข้าใจในจุดยืนของไทยในการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และกลับมาเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ

นางมาระตี กล่าวว่า นอกจากบทบาทของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกแล้ว เรายังมีคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ 4 สำนักงาน คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน และสถานทูตอีกหลายแห่งที่มีหน้าที่ในกรอบพหุภาคี และองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งต่างกำลังชี้แจงจุดยืนของไทยในเวทีโลก และกรอบสำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภายใต้อนุสัญญาต่างๆ เพื่อรักษาท่าที ย้ำบทบาทที่สร้างสรรค์ และแสดงความยึดมั่นต่อพันธะกรณีระหว่างประเทศของไทย

Advertisement

แชร์
ศบ.ทก. ยํ้า ไทยพร้อมเจรจา GBC 4 ส.ค. เร่งชี้แจงสถานการณ์ทั่วโลก