กองทัพอากาศยืนหยัดเพื่อชาติไทย สนับสนุนปฏิบัติการร่วมปกป้องอธิปไตยไทย
กองทัพอากาศ ยืนหยัด เพื่อชาติไทย สนับสนุนปฏิบัติการร่วม ปกป้องอธิปไตยไทย - สร้างเงื่อนไขสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน
กองทัพอากาศไทยได้ปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 24 - 28 ก.ค. 2568 ในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ลดความเสี่ยงต่อพลเรือน และสร้างเงื่อนไขเชิงยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการเจรจาสันติภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ภายใต้แผนยุทธการร่วม กองทัพอากาศได้จัดกำลังทางอากาศจากฝูงบิน F-16 และ Gripen เข้าสนับสนุนภารกิจภาคพื้น ในลักษณะการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของไทยอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการทำลายคลังอาวุธ และศูนย์ควบคุมการรบของฝ่ายตรงข้าม พร้อมปฏิบัติการทั้งกลางวันและกลางคืน โดยประเมินผลด้วยระบบข่าวกรองและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
การใช้กำลังทางอากาศของไทยดำเนินไปอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอาศัยสิทธิในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดหลักความได้สัดส่วน ความจำเป็น และการแยกแยะเป้าหมายทางทหารจากพลเรือนอย่างชัดเจน
ภารกิจในครั้งนี้เกิดจากการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านการฝึก การบูรณาการระบบบัญชาการและควบคุมร่วม และการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการตัดสินใจและลดความสูญเสีย
กองทัพอากาศยังคงยึดมั่นในพันธกิจเพื่อความมั่นคงของชาติ และขอขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนภารกิจของทหารอากาศไทยในห้วงเวลาสำคัญนี้
-----------------------------
The Royal Thai Air Force has actively supported joint operations with the Royal Thai Army during 24–28 July 2025, in response to the escalating of tensions along the Thai-Cambodian border. The objective was to protect national sovereignty, minimize risks to civilians, and establish strategic conditions that facilitate peaceful diplomatic negotiations.
Air Marshal Prapas Sornchaidee, Spokesperson of the Royal Thai Air Force, stated that the RTAF deployed F-16 and Gripen fighter aircrafts to conduct precision air strikes on hostile military targets that posed threats to Thailand’s national security. The operations focused on neutralizing weapons depots and military active command centers. Missions were conducted both during day and night, and battle damages were assessed using integrated intelligence and modern surveillance technologies.
Paticular deployment of air power was carried out in full compliance with international law, based on the nation’s inherent right to self-defense under Article 51 of the United Nations Charter. The Royal Thai Air Force strictly adhered to the principles of proportionality, necessity, and clear distinction between military and civilian targets.
The success of this mission was made possible by the Air Force’s ongoing readiness and structured preparation, including training exercises, the integration of joint command and control systems, and real-time data coordination with the RTAF’s Air Operations Center.
These efforts ensured precision in decision-making and helped minimize collateral damage.
The Royal Thai Air Force remains fully committed to safeguarding national security and expresses its gratitude to the Thai people for their trust and support during this critical period.
Advertisement
