นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จังหวัดตราด โดยจุดแรกเดินทางมาที่ มาที่ศาลากลางจังหวัดตราดเพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา และการ ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่ายในจังหวัดตราด ในการรับมือกับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น จากรายงานเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองได้ ปฏิบัติงานตามแผนที่วางเอาไว้ทั้งในเรื่องการอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ที่ขณะนี้ได้อพยพมาอยู่ตามศูนย์อพยพต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้แล้ว และยังดูแลในเรื่อง ด้านสาธารณสุข และด้านอาหารไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของฝ่ายกำลังพล ก็ได้รายงาน ว่าได้ผลักดันฝ่ายตรงข้าม ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ MOU 43 ออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้วและได้ตรึงกำลังในพื้นที่ดังกล่าวไว้ พร้อมให้ความมั่นใจว่าทหารมีความพร้อมและจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการป้องกัน อธิปไตย และ ดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย
ในที่ประชุม นายภูมิธรรม ได้ชี้แจง ถึงการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ก็เพื่อให้ทหารได้ทำงานได้ทันท่วงที เพราะฝ่ายกองกำลังกัมพูชา มีการวางกำลังตลอดแนวชายแดนและเป็นผู้เริ่มโจมตีไทยก่อน ทำให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตถือเป็นความผิดร้ายแรงและเป็นอาชญากรรมขั้นรุนแรง จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องทางทหาร ในการป้องกันอธิปไตย และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน
ส่วนหน้าที่ของฝ่ายปกครองและส่วนราชการ ซึ่งเป็นส่วนที่พิทักษ์แนวหลัง ก็ขอให้ร่วมกันทำงานให้ดี โดยผู้ว่าต้องเป็นต้นแบบในการดูแลผู้อพยพ เพราะถือว่าเป็นเหยื่อสงครามการสู้รบ จึงต้องดู แลอย่างเต็มที่ ขณะนี้รัฐบาลได้มีการขยายวงเงิน ในการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด แก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ส่วนอส. และชรบ. อยากให้ช่วยกันดูแลผู้อพยพอย่างเข้มแข็งและช่วยสื่อสารให้ผู้อพยพเข้าใจ ทั้งยังได้กำชับกับสื่อมวลชนในการเสนอข่าวว่าต้องระมัดระวังอย่าคำนึงถึงยอดวิวมากเกินไปขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของสถานที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย
นายภูมิธรรมยังได้เล่าถึงการโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ ให้ที่ประชุมได้ฟังที่ในภาพรวมสหรัฐอยากให้สถานการณ์ยุติโดยเร็วเกิดสันติสุขซึ่งก็ตรงกับไทย แต่ทางฝั่งกัมพูชาก็ต้องมีความจริงใจที่จะหยุดยิงและพิสูจน์ให้ฝ่ายไทยเชื่อมั่น ถึงความจริงใจ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการนัดพูดคุยกัน
จากนั้น นายภูมิธรรม เดินทางต่อมายัง ศูนย์อพยพ เพื่อมาให้กำลังใจด้วยความเป็นห่วง และร่วมพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่และอาหารการกิน ซึ่งแต่ละคนต่างบอกได้รับการดูแลอย่างดี และอยากให้สถานการณ์ยุติโดยเร็ว เพราะเป็นห่วงบ้าน ซึ่งนายภูมิธรรมย้ำว่า ให้เจ้าหน้าที่ดูแลบ้านเรือนของประชาชนให้แล้วไม่ต้องเป็นห่วงและร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับประชาชนในศูนย์อพยพแบบเรียบง่าย
Advertisement