ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมขึ้นเวทีเอ็กคลูซีฟทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิดร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย ของเครือเนชั่น ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ คาดหวังการแสดงออก ประเด็นทางการเมืองประเด็นทางการเมือง ว่า ตนได้ติดตามการแสดงวิสัยทัศน์ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไปแล้ว ซึ่งถามว่าคาดหวัง และอยากเห็นอะไรจาก นายทักษิณ โดยหากเป็นเฉพาะในส่วนของซอฟต์พาวเวอร์ ตนคาดหวังในเรื่องของการลงทุน ในต้นทุนของวัฒนธรรม
โดยที่ผ่านมาเราจะเห็นนโยบายเรื่องซอฟพาวเวอร์การจัดอีเวนท์ เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ที่สำคัญการลงทุนต่างๆหรือนำวัฒนธรรมที่เรามีอยู่ไปทำให้เกิดประโยชน์ เช่น สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้มีการศึกษาในเรื่องของย่านสร้างสรรค์ หลายๆย่านทั่วประเทศไทย และจริงๆ แล้วในแต่ละหัวเมืองของเรามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์พยายามที่จะประสานกับองค์กรณ์ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีการตั้งงบประมาณ ในการพัฒนาย่านสร้างสรรค์แต่ละย่านในแต่ละหัวเมือง
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้รับความร่วมมือกับท้องถิ่นกับท้องถิ่นหรือกระทรวงมหาดไทย ในเมื่อตอนนี้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาคุมกระทรวงมหาดไทย และถือเป็นนโยบายเรือธงในการที่จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งตนอยากส่งข้อแนะนำ และอยากเห็นพรรคเพื่อไทยนำผลการศึกษา ที่หน่วยงานของไทยได้ศึกษาไว้มาลองลงทุนดู ในการที่จะปลูกเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง รวมถึงอยากให้มีการใช้งบประมาณให้ถูกจุด มากกว่าการจัดอีเวนท์ธรรมดา
เมื่อถามว่า การปรากฏตัวของนายทักษิณในช่วงนี้จะสามารถประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดูการแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ของนายทักษิณ ว่าจะสามารถสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ได้หรือไม่ แต่ถ้าหากคิดในทางกลับกันช่วงหลังที่มีความขัดแย้งสูง ในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวออกมา ก็จะเห็นบทบาทของ นายทักษิณ ที่ออกมาตามหน้าสื่อต่างๆ น้อยลง ฉะนั้นในตอนนี้ที่กลับมาเห็นในหน้าสื่ออีกครั้งก็ต้องรอดูว่าจะแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร
เมื่อถามต่อว่า คาดหวังว่าจะได้เห็นประเด็นตอบโต้ของ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยเห็นว่านายทักษิณ เวลาขึ้นเวทีจะมีประเด็นทางการเมืองอยู่ด้วย ฉะนั้นในครั้งนี้คงต้องรอติดตามดูว่าจะมีประเด็นทางการเมืองหรือการแสดงวิสัยทัศน์ที่สร้างทางออกให้ประเทศ พร้อมย้ำว่าต้องรอดู
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ (8 ก.ค. 2568) สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการที่ศาลไทยออกหมายจับนายก๊ก อาน เจ้าของคราวน์กาสิโนในเมืองปอยเปต ซึ่งมีการโยงถึงนายทักษิณ มองว่าจะทำให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานยากขึ้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งที่เป็นความเห็นของตนต่อกรณีดังกล่าว สิ่งที่ไทยสามารถกดดัน สมเด็จฮุน เซน ได้เช่นกัน คือเรื่องของการสื่อสาร เพราะการที่เขาออกมาสื่อสารเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า เขาอ่อนไหว ต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ฉะนั้น อำนาจต่อรองหากเราใช้เป็น หรือใช้การสื่อสารในเรื่องของพลังสื่อมวลชน ที่เราต้องการดำเนินการว่าในการสื่อสารที่เราต้องการดำเนินการคือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่าจะสามารถกดดันกัมพูชา ในการที่จะกลับเข้าสู่การเจรจาในทางที่ถูกต้องมากขึ้น ไม่ใช่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว แล้วทำให้เกิดปัญหาที่มีผลกระทบเกิดขึ้นตามมาเหมือนในอดีต
Advertisement