Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ชัยเกษม" ลั่นไม่อยากเป็นนายกฯ เชื่อการเมืองไม่มีทางตัน

"ชัยเกษม" ลั่นไม่อยากเป็นนายกฯ เชื่อการเมืองไม่มีทางตัน

5 ก.ค. 68
16:08 น.
แชร์

"ชัยเกษม" ลั่นไม่อยากเป็นนายกฯ แต่ถ้าประเทศเกิดวิกฤตต้องใช้บริการ ก็พร้อมทำเพื่อบ้านเมือง เชื่อการเมืองไม่มีทางตัน ย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยการปฎิวัติ

วันที่ 5 ก.ค. 68 นาย ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว “อมรินทร์ออนไลน์” หลังถูกตั้งข้อสังเกตการออกมาตีกอล์ฟโชว์ และเคลื่อนไหวถี่ในช่วงนี้ จนหลายคนมองว่าเตรียมแต่งตัวนั่งนายกฯ แทน น.ส.แพทองธาร ชินวัตรหรือไม่นั้นว่า 

ไม่ใช่โชว์ตีกอล์ฟโชว์ แต่มีคนชวน และมีเวลาว่างก็ไป ไม่เกี่ยวกับการที่จะไปแทนที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งหลังเกิดกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกฯ หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังไม่มีการพบเจอหรือพูดคุยกัน แต่มีการติดตามข่าวสาร เนื่องจากไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวจะออกมาอย่างไร  

ส่วนในมุมที่เป็นอดีตอัยการสูงสุด น.ส.แพทองธาร มีโอกาสกลับมาหรือไม่นั้น  นายชัยเกษม ระบุว่า ตนไม่รู้ในรายละเอียด แต่โดยหลักการอะไรที่เกิดขึ้นได้ก็สามารถแปรเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์แล้วแต่ว่าจะมีข้อเท็จจริงมาสนับสนุน และเชื่อว่าการชี้แจงต้องมีเหตุผลในการกระทำลงไป ซึ่งไม่สามารถตอบแทน น.ส.แพทองธารได้ เพราะไม่ได้รู้ในรายละเอียด 

ส่วนม็อบที่เคลื่อนไหวขับไล่ กับนิติสงครามอันไหนน่ากลัวมากกว่ากัน นายชัยเกษม ระบุว่า อะไรที่เกี่ยวกับการเมืองบางทีก็ยากที่จะดูว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร แต่มองว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะการเมืองก็จะอยู่กับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าคนชี้แจง และคนที่จะวินิจฉัยว่าการชี้แจงนั้นฟังได้ มีความตรงไปตรงมาหรือไม่ หากไม่ดูในรายละเอียดคงไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ขณะที่การเคลื่อนไหวของม็อบนั้นยิ่งจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ ตนไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ แต่เท่าที่ดูยังไม่เห็นมีอะไรที่เป็นเรื่องร้ายแรง แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเกิด ซึ่งไม่ต้องกลัวเพราะทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริงในการชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นอย่าไปให้ราคากับการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หาเหตุในการโจมตี เพราะการเมืองก็เป็นแบบนี้ สำหรับส่วนตัวนั้นเฉยๆ และนิ่งมาก 

หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ น.ส.แพทองธาร ทำให้ต้องเป็นนายกฯ จะเป็นนายกฯ แบบใด เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยกลับตระกูลชินวัตรมักถูกวิจารณ์มาตลอด นายชัยเกษม ระบุว่า สำหรับเรื่องครอบครัวไม่ต้องห่วง เพราะเราเป็นครอบครัวเล็กๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง ตนมองว่านายกฯ มีหน้าที่ทำในสิ่งที่ควรทำสำหรับบ้านเมืองและประเทศชาติ ฉะนั้นเรื่องส่วนตัวไม่ควรเอามาเกี่ยวกับเรื่องการงาน ส่วนที่ถูกมองว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย มักจะถูกอิทธิพลจากตระกูลชินวัตรนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ว่าจะใครก็เกิดขึ้นได้ เมื่อขึ้นมามีตำแหน่งหน้าที่อาจมีคนมาขอทำสิ่งต่างๆ แต่ทุกอย่างต้องเป็นดุลยพินิจของคนที่ทำหน้าที่ ว่าอะไรคือสิ่งสมควรเหมาะสม หรืออะไรคือสิ่งที่ถูกและไม่ไม่ถูก ไม่สามารถวางมาตรฐานตายตัวได้ว่าการเป็นนายกฯ จะต้องทำอะไร ซึ่งหากตนได้เป็นนายกฯ จะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ 

เมื่อถามย้ำว่าหากมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ยอมรับได้กับข้อครหาการอยู่ภายใต้เงาของสกุลชินวัตรนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ตนไม่รู้ว่าใครอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลชินวัตร แต่หากใครก็ตามที่มาพูดคุยกับตน หากดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและบ้านเมืองต้องรับฟัง ซึ่งตนมีวิจารณญาณพอสมควร และมีประสบการณ์ชีวิตมากพอสม เพราะเคยทำงานในตำแหน่งที่ต้องได้รับความไว้วางใจคนรอบด้านรวมถึงประชาชน เช่นเมื่อครั้งที่เป็นอัยการสูงสุด  

เมื่อถามต่อว่า ที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ว่าใครที่ขึ้นมาในตำแหน่งนี้ หากไม่ทำตามก็จะถูกหักหลังนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ส่วนนี้ตนไม่รู้ในรายละเอียด แต่คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ จะไปคอยนึกถึงแต่ว่าเป็นเรื่องของพรรคแล้วต้องไปดูแล แต่หากเป็นเรื่องของคนอื่นต้องฟาดฟัน มองว่าเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่ใช้ดุลยพินิจ แต่คนที่เคยทำงานมาย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ สำหรับตนมองว่าไม่มีปัญหากับสิ่งเหล่านี้ เพราะมีประสบการณ์ในชีวิตมาแม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่โตแต่ผ่านงานมาโดยเฉพาะในสมัยที่เป็นอัยการสูงสุด มีเรื่องให้ต้องคิดต้องตัดสินใจ ที่ต้องดูองค์ประกอบที่เกิดขึ้นมาจากอะไร แต่เป้าหมายคือต้องมีความเป็นธรรม ยุติธรรม ต้องนึกอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่แค่พวกเขาพวกเรา นอกจากนี้ประชาชนและประเทศชาติต้องมามาก่อนเรื่องส่วนตัว และเมื่ออยู่ในอำนาจแล้วทำเละเทะต้องรับการกระทำของตนเองอาจจะอยู่ได้ไม่นาน 

เมื่อถามย้ำว่าเคยมีตัวอย่างที่คนมักจะชอบหยิบยกมาเปรียบ ถ้าไม่เชื่อฟังตระกูลชินวัตร ชะตากรรมอาจจะเหมือนนายสมัคร สุนทรเวช สุดท้ายก็ถูกหักหลัง เอาสมชาย วงสวัสดิ์ ขึ้นมาแทนนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า การทำสิ่งใดไม่ใช่แค่เพื่อพวกพ้องแต่รวมถึงญาติพี่น้อง คนที่เป็นนายกฯ ต้องแยกให้ออกสำหรับเรื่องส่วนรวมและประชาชน หากมีเรื่องพวกพ้องที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาอาจจะต้องมีการชี้แนะ แต่หากจะไปทำถูกเป็นผิดไม่ว่าจะพวกพ้องหรือไม่ คนที่เป็นผู้บริหาร คนที่ต้องดูแลบ้านเมืองไม่สามารถทำได้ 

ส่วนที่มีจุดยืนในลักษณะนี้แล้วกังวลหรือไม่ว่าจะทำให้หากในอนาคตมีโอกาสเป็นนายกฯ จะทำให้เกิดการไม่ลงรอยกับตระกูลชินวัตรหรือพรรคเพื่อไทยนั้น นายชัยเกษม กล่าวว่า ตนมีกติกาในใจของตัวเอง ไม่ใช่ไม่ฟังคนอื่นพร้อมที่จะรับฟัง ทุกคนสามารถชี้แนะได้ แต่การตัดสินใจต้องเป็นเรื่องของตน แต่หากมีการชี้นำจะต้องดูว่าบางจังหวะอาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชน ต้องใช้ดุลยพินิจว่าจะเดินตามหรือไม่ ซึ่งงานและประสบการณ์ที่ผ่านมา จะสามารถทำให้เรารู้เองว่าอะไรควรหรือไม่ควร 

เมื่อถามย้ำว่าจุดยืนคือจะไม่เป็นหุ่นเชิดของตระกูลใดตระกูลหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นายชัยเกษม ยืนยันว่า “แน่นอนที่สุด แต่ไม่ใช่ผมไม่รับฟังหรือพูดคุย เพราะตนพร้อมพูดคุยและรับฟังทุกคนแต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลว่ามีจิตสำนึกอย่างไร รวมถึงประสบการณ์ในอดีตของแต่ละคน และที่ผ่านมาตนยังไม่มีโอกาสพูดคุย โทรศัพท์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการเมืองกับนายทักษิณตั้งแต่กลับประเทศไทย แต่ท่านเป็นคนที่เคารพนับถือและรู้จักกันเป็นส่วนตัว และท่านเองก็ไม่มีคงไม่มีเหตุอะไรที่จะโทรหาผมในตอนนี้ ส่วนผมจะโทรหาท่านแล้วบอก สนับสนุนผมเป็นนายกรัฐมนตรีก็คงไม่ใช่ผม” 

ในอนาคตหากได้เป็นนายกฯ มีโอกาสจะเชิญพรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆ เข้าร่วมรัฐบาลรือไม่ นายชัยเกษม ระบุว่า อะไรที่เป็นเรื่องของคน 2 กลุ่ม 2 พวก สามารถพูดคุยกันได้ ขณะเดียวกันคนที่เป็นพวกเดียวกัน ก็ต้องตัดสินใจว่าอะไรดีและเป็นประโยชน์ในการที่จะทำ หากถามว่าเป็นไปได้หรือไม่นั้น ตนบอกว่าเป็นไปได้ แต่ส่วนจะเป็นไปไหมนั้น ต้องดูขอดูเหตุดูผล ดังนั้นวันนี้จึงตอบไม่ได้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากมารวมกันแล้วพูดจารู้เรื่องและเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร คงไม่ปิดประตูตาย เพราะหากทำเช่นนั้นจะเสียโอกาส ซึ่งต้องฟังทุกฝ่ายและวิเคราะห์ให้ดีค่อยตัดสินใจ ตนไม่ถือเป็นสาระว่าคนที่ไม่ใช่พวกเราต้องเขี่ยออกไปอย่างเดียว 

ส่วนกระแสการพูดคุยของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยจะมี จะหนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า เราไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงปล่อยให้เขาทำไป เมื่อทำเสร็จแล้วก็ดูว่าสิ่งที่ออกมานั้นดีหรือไม่กับประชาชน ซึ่งการที่จะจับมือกันต้องมีเหตุผลที่จะเข้ามาดูแลช่วยเหลือ การเมืองแปรเปลี่ยนตลอดเวลาอย่าไปกังวล และเรื่องนี้จะไม่มีความกังวลโดยหากมองว่าไม่เอาตนเพราะคุยไม่รู้เรื่อง และไปเอานายอนุทินดีกว่า ตนก็เฮ เพราะไม่คิดอะไร และจะฉลอง 3 วัน 7 วัน 

“หากถามว่าอยากเป็นนายกฯ หรือไม่ คำถามนี้ตอบไม่ยาก ผมไม่เคยมีความคิดที่จะอยากเป็น คิดว่าการเป็นนายกฯ สนุกหรืออย่างไร เพราะต้องรับผิดชอบคนทั้งประเทศ ดูแลทุกข์ ดูแลสุข และแก้ปัญหา คอยทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโต ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นการเอาตัวเข้าไปทำงานให้เหน็ดเหนื่อย ถ้าคนอื่นที่มีความสามารถทำเพื่อประเทศชาติไปได้ดีกว่า ผมไม่อยากไปแย่งเขาหรอก ให้เขาทำไปเถอะ นอกจากนั้นถ้าเขาคิดว่ามีอะไรที่ผมช่วยได้สามารถแนะนำได้ และเชื่อในความรู้ความสามารถของผมก็สามารถมาคุยกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” 

ส่วนหากบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะวิกฤต และต้องใช้บริการก็ไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่นั้น นายชัยเกษม ระบุว่า แน่นอน อะไรที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนมีความสุขถ้ามีการมอบหมายให้ผมเข้าไปดูแลผมยินดี เพราะตลอดชีวิตการทำงานของผม ได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ทำให้เกิดการปรองดองให้คุยกันได้ ไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งก็เป็นทางสงบที่ไม่มีความเสียหายอะไรมีแต่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เพียงแต่คนที่เกี่ยวข้องจะยอมรับในทัศนคติหรือไม่ เพราะบางคนบอกว่าการใช้วิธีแบบนี้อาจจะทำให้ไม่ได้เป็นเป็นใหญ่เป็นโต พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นตระกูลชินวัตรหรือพรรคเพื่อไทย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่แนบแน่น เพราะเขาก็ไม่ได้ใช้อะไรผมมากมาย อย่างในอดีตตระกูลชินวัตร ก็มีหลายครั้งที่มีการสอบถามตนบ้างว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้แล้วเพราะเขามีคนให้ใช้เยอะแยะ และไม่ใช่เรื่องที่ตนจะต้องเข้าไปแนะนำ แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน 

ส่วนตอนนี้มองว่าการเมืองเข้าสู่สุญญากาศหรือทางตันแล้วหรือไม่นั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ตนไม่คิดว่าการเมืองจะมีทางตัน แต่จะเดินไปสู่ความก้าวหน้ากินดีอยู่ดีของประชาชนต่อไปถ้าตัดสินใจได้ดี แต่ถ้าตัดสินใจไม่ดีอาจจะตกเหวประชาชนเดือดร้อน บ้านเมืองไม่เจริญไม่ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ซึ่งคนในบ้านเมืองจะได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงต้องช่วยกันที่จะเอาคนดีมาช่วยเหลือบ้านเมือง อย่าปล่อยให้คนที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะทำดีกับบ้านเมืองเข้ามา เพราะมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับทุกคน จึงต้องคิดให้หนัก คิดให้ดี ดูให้ละเอียด ว่าเราได้เลือกคนที่เหมาะสมแล้ว และหากตัดสินใจไม่ดีการจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งยากมาก เพราะหากเอาคนไม่ได้เรื่องไปอยู่ในอำนาจ เขาก็จะพาคนที่ไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกันมาเป็นลูกน้อง เพื่อคอยปกป้องอำนาจวาสนาซึ่งจะทำให้แก้ไขได้ยากขึ้น ซึ่งนักการเมืองในบ้านเรามีทุกแบบและคนที่สนับสนุนก็มีทุกรูปแบบเช่นเดียวกัน ตั้งแต่นักเลงหัวไม้ คนคดโกง ถ้าเจอคนประเภทนั้นควรเขี่ยออกจากเลยไม่ต้องคิดมาก 

หากในวันนี้เป็นตัวเองที่กำลังเผชิญวิกฤตเช่นเดียวกับ น.ส.แพทองธาร จะตัดสินใจอย่างไรลาออก ยุบสภา หรือเดินหน้าทำงานต่อ นายชัยเกษม ระบุว่า “ผมตอบแทนไม่ได้ แต่หากเป็นผมต้องดูว่าสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้อยู่เป็นอย่างนั้นหรือไม่ หรือเป็นความเข้าใจผิดกัน มีการชี้แจงเรียบร้อยหรือยัง ถ้าหากผิดจริงไม่เหมาะสมจริงและหากออกไปประเทศชาติจะดีขึ้น ก็ควรให้คนอื่นเขามาทำ แต่ถ้ามั่นใจว่าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพียงแต่มีคนคอยยุแยง จากที่เป็นคนดีกลับถูกมองมีภาพพจน์เป็นคนไม่ดี ต้องสู้กันยิบตา แต่ผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องรับไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องลงลึกมากในการที่จะวินิจฉัย” 

“สำหรับผมตอนนี้ น.ส.แพทองธาร ยังไม่มีอะไรที่เป็นความผิดฉกรรจ์ถึงกับต้องได้รับโทษประหารชีวิต ซึ่งความเป็นจริงท่านเป็นคนเรียบร้อย แต่ความเป็นผู้หญิงอาจจะมีการตัดสินใจบางอย่างที่ท่านอาจจะไม่เฉียบขาดแต่โดยการปกครองก็ถือว่าโอเค และอยู่ในตระกูลที่มีแต่คนรู้เรื่องการเมืองดี สามารถช่วยชี้แนะได้ หากไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสที่ชัดเจนจริง ต้องปล่อยให้ท่านเดินหน้าต่อไป แต่หากไม่ไหวอยู่ต่อไปกระเทือนไปทั้งหมดก็ต้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พร้อมย้ำว่าหากเรื่องเหล่านี้ไม่รู้ในรายละเอียดขอไม่แสดงความคิดเห็น” 

สถานการณ์ตอนนี้มีบางกลุ่มกลัวทหารจะออกทำการปฏิวัติรัฐประหารนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยเพราะการแย่งชิงอำนาจ หากเป็นปกติจะมาปกครองประเทศต้องออกมาสู้ตามกติกา ไม่ใช่นำกำลังออกมาบีบบังคับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อยๆ จะติดอยู่ในใจของคนรุ่นหลัง และจะขจัดออกไปไม่ได้ ตนไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติทุกอย่างต้องแก้ไขด้วยระบบที่มี และประชาชนไม่ได้ถูกปิดปากในการแสดงความคิดเห็น คนที่อยากจะล้มรัฐบาลไม่ใช่นั่งเฉยๆ แต่ต้องออกมาชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความเหมาะสมอย่างไร 

ดังนั้นการปฏิวัติไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้วในรัฐบาลใดก็ตามรวมถึงในประเทศไทย จึงไม่ควรปล่อยให้อำนาจมืดเข้ามาครอบงำและไม่สามารถควบคุมได้ เส้นทางการเมืองมีทางออกที่ไม่ต้องใช้ทหารเข้ามาช่วยซึ่งมีกฎกติกาวางอยู่ ดังนั้นสิ่งใดที่เดินตามกฎแล้วจะทำให้นิสัยคนดีดีขึ้น นิสัยทหารก็จะดีขึ้นด้วย ที่เรากลัวทหารเพราะเราไม่มีอาวุธไม่มีกำลังพล การให้ทหารเข้ามาปฏิวัติ และปกครองประเทศ ใครที่สนับสนุนเท่ากับว่า “เรียกโจรเข้าบ้าน” และชาตินี้ตนไม่มีทางที่จะเห็นด้วย 

นายชัยเกษม ยังกล่าวถึงกรณีความขัดแย้งพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า คนเราแม้จะเป็นคนประเทศ คนละชาติ คนละศาสนา แต่ภาษาเดียวกันคือภาษาคน ถ้าตราบใดที่ยังเป็นคนถ้ามีเหตุมีผลต่อกันต้องคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งอาจไม่มีใครได้หมดหรือเสียหมด ต้องดูในเหตุผลว่าสามารถยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ซึ่งหากไทยและเขมรรบกันคิดว่าประชาชนจะมีความสุขหรือไม่ เพราะจะต้องมีการบานปลายไปสู่เรื่องอื่นๆ แต่ต้องดูว่าสิ่งที่เขาทำถึงขนาดรับไม่ได้คุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งหากมีการพูดคุยกันก็น่าจะจบ 

บางส่วนมองว่าปัญหาชายแดนที่ยังยืดเยื้อเนื่องจากเป็นเรื่องของอำนาจแทรกแซงระหว่างประเทศ จึงไม่สามารถแก้ได้ในระยะเวลาก็สั้น ทั้งเป็นศึกของ 3 ตระกูลนั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ต้องดูว่าเหตุเกิดจากอะไร ทำไมต้องมาปะทะกัน ต้องใช้ดุลยพินิจที่เป็นกลางดูว่าใครถูกหรือผิด ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกต้องมีเหตุมีผลในการคุยกัน ไม่ควรต้องรบกัน แต่หากเขาดื้อด้านไม่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดถ้าต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็คงต้องเกิด แต่ตนยังเชื่อว่าหากมีการพูดคุยเจรจาสามารถอธิบายได้ ทุกอย่างย่อมมีทางออก ไม่ถึงขนาดต้องทะเลาะเบาะแว้งและใช้กำลังซึ่งกันและกัน เขาขึ้นมาถึงขนาดนี้ต้องมีเหตุผลไม่เช่นนั้นปกครองบ้านเมืองไม่ได้ ในขณะเดียวกันถ้าเราไม่มีเหตุผลจะมีคนจำนวนหนึ่งที่มองว่าในวันต่อไปไม่ควรที่จะมาปกครองบ้านเมืองแล้วเพราะเป็นคนพูดกันไม่รู้เรื่องและไม่มีเหตุไม่มีผล ซึ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง โดยยังเชื่อมั่นในกระบวนการพูดคุยเจรจา

Advertisement

แชร์
"ชัยเกษม" ลั่นไม่อยากเป็นนายกฯ เชื่อการเมืองไม่มีทางตัน