"ชาญชัยและคณะ"ส่งหลักฐานป.ป.ช.เพิ่ม 11 รายการ จี้ ดำเนินคดีม.144 เร่งส่งศาลฟัน "ครม.เศรษฐา -ครม.แพทองธาร -สส.สว.
2 ก.ค. 68 ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) นายชาญชัย อิสระเสรีรักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ,นายสมชายแสวงอดีตสว.,นายเจษฎ์ โทณะวนิก และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เดินทางมาเพื่อยื่น หลักฐานและเอกสารเพิ่มเติมกับป.ป.ช.กรณีการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่บัญญัติไว้ว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 กรณีครม. รัฐบาลนายเศรษฐทวีศิลป์และรัฐบาลนางสาวแพรทองทาชินวัตรรวมถึงคณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 รวมทั้งสส.และสว.ได้มีการลงมติสั่งตัดงบประมาณ35,000 ล้านบาทให้5 ธนาคารของรัฐไปกู้รวมถึงมีการโยกเงินไปใช้ในโครงการดิจิตอล Wallet โดยไม่ได้สั่งการระงับหรือยับยั้ง
นายชาญชัย กล่าวว่า วันนี้ได้นำเอกสารเพิ่มเติมให้ป.ป.ช. 11 รายการ ซึ่งมีทั้งเรื่องการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปี 2567 และ 2568 , เรื่องการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ , สำเนาเอกสารจากสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาความเห็นแนวทางการเสนอและการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในการดำเนินการต้องปฏิบัติตามม.144 และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังโดยเคร่งครัด รวมถึงบันทึกการประชุมคณะกรรมการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2568 โดยเป็นหลักฐานการกู้เงินตามมติครม.5ธนาคารรัฐวิสาหกิจของรัฐ
โดยเอกสารเพิ่มเติมเหล่านี้เพื่อให้ป.ป.ช.ได้ทำงานอย่างเร็วขึ้น และมั่นใจว่าพยานหลักฐานเพียงพอในการเอาผิดได้
ส่วนหากมีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวจนนำไปสู่การถอดถอน คณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีสส. และสว.จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองหรือไม่
นายเจษฎ์ ระบุว่าจะไม่เกิด สุญญากาศเพราะมีทางออก2 ทางหากพิจารณาแล้วมีมีความผิดจนกระทั่งท้ายที่สุดจะเหลือแต่พรรคประชาชน พรรคประชาชนมีทางเลือกอยู่ 2 ทางคืออยู่ต่อไป เมื่อรัฐบาลทำผิดคณะรัฐมนตรีทำผิดไม่สามารถอยู่รักษาการได้ต้องให้ปลัดทั้งหลายขึ้นมาทำหน้าที่ และเลือกปลัดหนึ่งท่านทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่จะไม่สามารถบริหารงานได้ทำหน้าที่ได้เต็ม
และทางเลือกที่สอง พรรคประชาชนลาออก ทำให้มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหารและไม่ใช่ของนายกพระราชทาน
โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องทำหน้าที่โดยสอบถามไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ไปจัดการเลือกตั้งเทียบเคียงกับกรณียุบสภาไปเลือกตั้งไม่มีสุญญากาศ ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดสุญญากาศและให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร
นอกจากนี้นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพรทองธาร ชินวัตรหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักเลขาธิการรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายฝ่ายพิธีการจะต้องตรวจคำวินิจฉัยของศาลให้ชัดเจน ซึ่งตนได้ตรวจสอบแล้วจึงบอกว่านางสาวแพทองธารไม่สามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพราะตำแหน่งที่ผู้ร้องร้องในตำแหน่งรัฐมนตรีประพฤติมิชอบไม่สุจริต ให้ศาลเริ่มดุลวินิจฉัยว่าต้องพ้นไป
ดังนั้นขอให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบให้ชัดเจนอย่าสร้างความไม่บังควร อย่าตีความกฎหมายตามฝ่ายการเมือง ซึ่งหากเวลาต่อมาถ้าศาลสั่งว่า นางสาวแพรทองธารไม่ผิด ก็ค่อยเข้าเฝ้าถวายสัตย์ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมก็ไม่สาย
Advertisement