วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมภริยา เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ทหาร จากค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา ลงจอดที่สนามฟุตบอลโรงเรียนบ้านหนองโอน-หนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ก่อนจะนั่งรถตู้ต่อไปยังวัดโนนสวรรค์นิรมิต บ้านโนนสวรรค์ หมู่ 13 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อเป็นประธานถวายพระพุทธรูปพระโมลีโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ เนื้อหินพระปัจเจก (เนื้อหินอ่อน) สมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 24 นิ้ว สูง 125 ซม. กว้าง 50 ซม. น้ำหนัก 350 กิโลกรัม ให้ประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ
โดยมีโดยมีพระราชสารโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) ประธานสงฆ์ พระครูสุวรรณ ปุญญากร เจ้าอาวาสวัดโนนสวรรค์เนรมิต นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พลตรีประเสริฐ ข่าทิพย์พาที ผบ.มทบ.24 นาวาอากาศเอก นทัย เมืองมณี ผู้บังคับการกองบิน 23 พลตรี ฐนิตพัฒน์ อุทะนุตนันต์ ผอ.สนภ.2 นทพ. พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผบ.พล.ร.3 ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จ.อุดรธานี นายศราวุธ เพชรพนมพร นายก อบจ.อุดรธานี นำทหาร ตำรวจ ข้าราชการ คบหบดี พ่อค้า ประชาชน ชาวอุดรธานี จำนวนมาก ให้การต้อนรับ โดยภายในวัดมีการตั้งโรงทานบริการทหารและผู้ที่มาร่วมงานจำนวนมาก
เมื่อ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมภริยา ลงจากรถตู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชาวบ้านที่มารอได้ปรบมือต้อนรับ พร้อมกับมอบของที่ระลึก เช่นรูปถ่ายที่วาดจากมือ ปืนใหญ่จำลอง ผูกผ้าขาวม้าต้อนรับตามประเพณีอีสาน ก่อนจะขอถ่ายรูปและเซลฟี่เป็นที่ระลึก โดยแม่ทัพภาค 2 ได้พูดจาทักทายชาวบ้านด้วยภาษาอีสานอย่างเป็นกันเอง เสร็จแล้วนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี ได้เชิญแม่ทัพเปิดกระดาษที่ห่อพระพุทธรูป “พระโมลีโลกนาถ” ออกแล้วนำขึ้นศาลาเพื่อทำพิธี เสร็จแล้วจะนำพระโมลีโลกนาถขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า แม่ทัพมีหน้าที่ดูแลภาคอีสาน 20 จังหวัด ตั้งแต่มีบุญวาสนาได้ดูแลประชาชนน 20 จังหวัด ได้นำพระศักดิ์สิทธิ์ไปถวายให้พี่น้องทั้ง 20 จังหวัดๆ ละ 1 องค์ ได้พิจารณาว่าวัดพี่น้องจังหวัดอุดรธานี จะไปถวายที่ใด จึงได้สอบถามเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ซึ่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งท่านเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ได้แนะนำให้นำพระพุทธรูป “พระโมลีโลกนาถ” มาถวายที่วัดนี้ ซึ่งจังหวัดอุดรธานีเป็นองค์ที่ 15 แรม 15 ค่ำ เดือน 7 ส่วนองค์ที่ 16 หรือองค์ต่อไป จะไปที่จังหวัดไหนยังไม่รู้
พระครูสุวรรณ ปุญญากร เจ้าอาวาสวัดโนนสวรรค์นิรมิต เปิดเผยว่า ตนรู้จักแม่ทัพภาค 2 จากการตามข่าว ที่แม่ทัพได้ไปดูแลชายแดนอีสานใต้ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว การที่ได้นำพระพุทธรูปมาถวายวัด เพราะพระราชสารโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี และ ผบ.มทบ.24 เป็นผู้ดำเนินการ รู้สึกยินดีที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ได้นำพระพุทธรูปมาถวายวัดในครั้งนี้ เพราะว่าเป็นวัดในหมู่บ้านเล็กๆ ท่านก็ให้ความสำคัญ ในด้านพระพุทธศาสนา ได้อัญเชิญพระพุทธปฎิมามาถวาย รู้สึกยินดีเพราะว่าจังหวัดอุดรธานี มี 20 อำเภอ แต่ก็เลือกนำมาถวายวัดโนนวรรค์นิมิต จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลกนี้ ตลอดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดโนนสวรรค์นิมิต บูรพาจารย์วัดโนนสวรรค์นิมิต มาดลบันดาลให้แม่ทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน พาดกลาง จงมีแต่ความสุขความเจริญ ปรารถนาในสิ่งที่ชอบประกอบด้วยธรรม ก็ให้สมความมั่งมาศปรารถนาทุกสิ่งทุกประการ”
ร้อยตรีประพันธ์ หมีกุล อายุ 65 ปี อดีตทหารปืนใหญ่ค่ายยุทธศิลป์ประสิทธิ์ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ทำปืนใหญ่จำลอง ทำจากเหล็กขนาด 155 มม.น้ำหนัก 10.4 กก.ยาว 1.20 เมตร กว้าง 60 ซม. ใช้เวลาในการทำ 1 สัปดาห์ ตั้งใจนำมามอบให้แม่ทัพภาค 2 เพราะชื่นชอบแม่ทัพภาค 2 เป็นการส่วนตัว ไม่เคยเห็นและรู้จักเป็นการส่วนตัว เห็นแต่ในข่าว พอมาพบวันนี้รู้สึกดีใจและชื่นชม เพราะในอดีตตนก็เคยไปอยู่ที่เนิน 538 ช่องโอบก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตนเป็นช่างซ่อมปืนใหญ่มา 40 ปี และทำปืนใหญ่จำลองขายในกลุ่มเกษียณอายุ กระบอกละ 4,000 บาท ขอให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง แม่ทัพภาค 2 ขอให้ท่านสู้สู้
นายณัฏฐ์ จันพลแสน อายุ 30 ปี ครูสอนศิลปะ โรงเรียนอนุบาลพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ จากการติดตามข่าวสารบ้านเมือง เห็นแม่ทัพและทหารได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ตนเป็นครูศิลปะ เลยอยากวาดภาพของท่านแม่ทัพ โดยใช้คำว่า “เพื่อชาติ” วาดซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดเป็นใบหน้าของท่านแม่ทัพ และเขียนข้อความใต้ภาพเป็นคำพูดของท่านแม่ทัพว่า “แผ่นดินกู กูอยู่ตรงนี้มานานแล้ว” เพื่อส่งกำลังใจให้พี่ทหาร และท่านแม่ทัพ โดยตั้งใจมอบภาพที่เป็นต้นฉบับให้ 1 ภาพ ส่วนภาพนี้เป็นภาพที่ก๊อปปี้ไว้ 3 ภาพ ตั้งใจเอาไปเป็นที่ระลึก เป็นสื่อให้เด็กนักเรียนดู ผลงานศิลปะสามารถสะท้อนสังคมได้ และจรรโลงสังคมได้ และให้ท่านแม่ทัพเขียนลายเซ็นต์ให้เป็นที่ระลึก
พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบข้อซักถามเรื่อง การที่พระเขมรขึ้นไปทำพิธีสวดที่ประสาทตาเมือนธม และชาวบ้านไปร้องรำทำเพลงที่ปราสาทตาควาย สร้างความกดดันและวุ่นวายให้ทหารไทย จะจัดการอย่างไร ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ตอบว่า เป็นข้อตกลงกันว่า การนำประชาชนขึ้นไป ขอความร่วมมือไม่ให้แสดงออกเรื่องสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มันล่อแหลม ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหว เราก็ชี้แจงแสดงแล้วให้ทหารทั้งสองฝ่าย สั่งให้พี่น้องประชาชนได้หยุด เราก็เข้าใจเป็นปกติมีบ้างนิดหน่อย ไม่เป็นไร
ส่วนเรื่องเขมรจะนำภาพไปร้องศาลโลกว่าเป็นพื้นที่ของเขา อันนั้นให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เราไม่ได้เป็นกังวลใจอะไร อยู่ในพื้นที่ของเราอยู่แล้ว เป็นรูปแบบที่ทางรัฐบาลกัมพูชาเขาดำเนินการ รัฐบาลเราก็ไปชี้แจงดำเนินการในส่วนนี้ให้ชัดเจน ส่วนการปิดปราสาทตาควายหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตจะแสดงออกขนาดไหน ระดับใด ถ้าไม่เรียบร้อยเกินไปเราก็คงขออนุมัติจากทางรัฐบาลในการปิด แต่ในช่วงนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น
“ส่วนการปิดหมดทุกด่าน เราไม่ได้ใช้คำว่าปิดด่าน แต่เราใช้คำว่าควบคุมอย่างเข้มงวด คืออนุโลมการเข้าออก ทางด้านมนุษยธรรมอยู่ เช่น รถพยาบาล คนป่วย เครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นในครัวเรือนบางส่วน แต่ส่วนอื่นเราก็ห้ามเข้า ห้ามออก เป็นหน้าที่ทุกส่วนที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา ส่วนทหารเราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มันเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายประเทศเพื่อนบ้านเราด้วย ทางรัฐบาลต้องไปคุยกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเป็นเงื่อนไขการตอบโต้กัน ทางสื่อโซเชียลมากกว่า ขึ้นอยู่กับนายกทั้งสองประเทศต้องหาทางออกร่วมกัน ไม่ตึงเครียดถึงขนาดนั้น ตอบโต้กันในทางปฏิบัติ ทางสื่อโซเชียล มีเดีย แย่งชิงประชาชน สื่อต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลแต่ละประเทศต้องดูแลประชาชนของตัวเอง ให้เกิดความรักความสามัคคี ของคนในชาติตัวเอง และให้ความสำคัญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ส่วนทหารเราไม่มีปัญหา เตรียมพร้อมเต็มที่”
Advertisement