(19 มิ.ย. 2568) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง หลังเกิดกรณี คลิปเสียงหลุด ที่พาดพิงถึงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนถึงความสัมพันธ์และจุดยืนต่อกองทัพ จนนำไปสู่กระแสความไม่พอใจในสังคม และในเวลาต่อมา พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศถอนตัวจากรัฐบาล
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์คลิปเสียงหลุดดังกล่าวถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่สะท้อนถึงภาวะผู้นำที่ล้มเหลวและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของประชาชนทั่วประเทศ เขาระบุว่า รัฐบาลชุดนี้มีปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ในการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยเตือนมาก่อนแล้วว่าไม่สามารถรับมือกับปัญหาขนาดใหญ่ของประเทศได้
"2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของพรรคเพื่อไทย เราเห็นแล้วว่าคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปเศรษฐกิจ หรือปากท้องประชาชน ไม่สามารถทำได้จริง"
โดยข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อของพรรคประชาชน คือ
1. ให้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นของประชาชน
2. ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนในการตัดสินใจอนาคตของประเทศผ่านการเลือกตั้งใหม่
3. ปฏิเสธแนวคิดการใช้อำนาจนอกระบบ เช่น การรัฐประหาร โดยย้ำว่า "ไม่ใช่ทางออก" ของระบอบประชาธิปไตย
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า แม้จะมีเสียงบางส่วนในสังคมที่เริ่มพูดถึงการใช้ "อำนาจพิเศษ" เช่น การรัฐประหาร หรือกลไกนอกระบบ ยืนยันว่า พรรคประชาชนไม่สนับสนุนแนวทางนี้โดยเด็ดขาด
"เราต้องการเพียงรัฐบาลที่มีความชอบธรรม มาจากการเลือกตั้งตามกลไกประชาธิปไตยเท่านั้น" นายณัฐพงษ์ กล่าว พร้อมเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่ถอนตัว ออกมาแสดงจุดยืนว่าการรัฐประหารไม่ใช่คำตอบ
เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภา พรรคประชาชนพร้อมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบอย่างชัดเจนว่า พรรคประชาชนมีความพร้อมเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพรรค นโยบาย หรือทีมผู้สมัคร และพร้อมเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งทันทีหากมีการยุบสภาเกิดขึ้น ซึ่งนโยบายต่างๆ พรรคประชาชนสะสมเตรียมการไว้หลายปี มีร่างกฎหมายหลายชุดที่พร้อมผลักดันทันที หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
ส่วนภาพสะท้อนความสัมพันธ์ส่วนตัวแทนการทูตนั้น เสี่ยงสร้างความเข้าใจผิดระหว่างประเทศ นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า จากกรณีคลิปเสียงที่หลุดออกมาในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของนายกรัฐมนตรีในการใช้อำนาจส่วนบุคคลและความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำต่างประเทศ เช่น กัมพูชา แทนที่จะดำเนินการผ่านช่องทางการทูตอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นเวทีทวิภาคีหรือแนวนโยบายต่างประเทศของรัฐ
อีกทั้ง การกระทำลักษณะนี้อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดในระดับรัฐต่อรัฐ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยรวม นายณัฐพงษ์กล่าว พร้อมเน้นว่า การสื่อสารระหว่างประเทศควรดำเนินการผ่านกลไกของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ดำเนินการแบบลำพังโดยไม่มีความโปร่งใส
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึง ข้อความในคลิปที่อ้างว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในสถานะ "ตรงข้ามกับกองทัพ" ว่า เป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองที่อันตราย และไม่ควรเกิดขึ้นในบริบทประชาธิปไตย การเมืองต้องไม่พยายามลากกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่า การสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายหรือการดำเนินงานของรัฐบาลควรเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีพลเรือนเท่านั้น ไม่ใช่บทบาทของกองทัพ และไม่ควรเปิดช่องให้กองทัพเข้ามามีส่วนในกระบวนการเมือง
"กองทัพมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองในการรักษาหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจ" นายณัฐพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ ได้กล่าวถึงข้อกังวลเรื่องการยุบสภาและผลกระทบต่อการพิจารณางบประมาณปี 2569 โดยระบุว่า ไม่ควรใช้ประเด็นงบประมาณมาเป็นข้ออ้างในการอยู่ในอำนาจต่อไป เพราะรัฐบาลรักษาการยังสามารถบริหารจัดการงบประมาณปี 2568 ได้อย่างต่อเนื่องในบางส่วน โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะ "สุญญากาศ" แต่อย่างใด
สิ่งที่ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองจริงๆ คือ ความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นำของนางสาวแพทองธารต่างหาก
นายณัฐพงษ์ สรุปว่า หากมีการยุบสภา พรรคประชาชนพร้อมลงสนามเลือกตั้งทันที และจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้หลักความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย
"พรรคประชาชนไม่ต้องการอำนาจพิเศษใดๆ สิ่งที่พรรคต้องการคือ ประชาธิปไตยที่แท้จริง และผู้นำที่ประชาชนไว้วางใจได้อย่างแท้จริง"
Advertisement