นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ที่มีนายอดิศักดิ์
แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ด้วยนั้น และมีการประกาศบนเวทีตอนหนึ่งว่ามีความสนิทสนมกัน ว่า นี่คือการเมืองยุคใหม่ เราจะมาบอกว่าคนที่ ไม่ใช่พรรคเดียวกันเราไม่สนใจไม่ได้ เพราะเราเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ต้องให้ความสนใจกับเสียงของประชาชนทุกคน สส.คนไหนที่นำความต้องการของประชาชนมาแจ้ง ก็พร้อมที่จะลงพื้นที่กับทุกคน เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาให้ เพราะเป็นงบประมาณของหลวง ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดนี่คือการทำงานของตน
เมื่อถามว่าจากนี้จะมีสส.จากพรรคอื่นมาร่วมงานเพิ่มอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าขออย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้น เพราะการเลือกตั้งอย่างไม่เกิดขึ้น เพราะถ้ารัฐบาลนี้อยู่ครบเทอม ก็ไปถึงปี 70 โน้น มีเวลาเหลือเฟือในการตัดสินใจ พี่จะร่วมงานทางการเมืองกัน หรือถ้ามีเหตุยุบสภาก่อน ก็ยังมีเวลา 30 วันทีสส.จะคิดย้ายสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ดูแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลไหนที่ปล่อยให้มีการ หมดอายุของสภา โดยที่ไม่ได้ยุบสภาก่อน เพราะการขับเคลื่อนใดๆอาจจะติดอุปสรรค ต้องใช้เวลา 90 วันเป็นอย่างต่ำ ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีจะเลือกการยุบสภาก่อน จะสั้นหรือจะยาว หรือจะอยู่หมดจนหมดสมัยก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่าน
ส่วนมองว่านายกรัฐมนตรี จะชิงยุบสภาก่อน เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เขาก็ไปจนครบจนถึงเดือนหรือสองเดือนสุดท้ายก่อนหมดสมัยก็ยุบสภาซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็ถือว่านั่นครบแล้ว เพียงแต่การดำเนินการทั้งหลายจะมีความคล่องตัวและสะดวกขึ้น
ส่วนคณิตศาสตร์ทางการเมือง หากดูจากตัวเลขสส.ในมือ หลังประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน กล่าวว่า การเมือง หรือการฟอร์มรัฐบาล อย่าไปมองเป็นคณิตศาสตร์ เพราะประชาชนเขาไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์ด้วย เขาต้องการว่าใครทำประโยชน์ ให้กับประชาชนได้มากที่สุด การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง ตนไม่ได้คำนึงถึงว่าใครจะมีคณิตศาสตร์ ตนไม่ได้ไปคำนึงถึงว่าใครจะไปมีคณิตศาสตร์ บวก ลบคูณ หารเท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับทำงานให้กับประชาชนได้เท่าไหร่ ทำงานการทำงานอยู่ร่วมกันก็ต้องจริงใจ ความเข้าใจ มีเจตนารมณ์ร่วมกัน ที่จะทำงานรับใช้ชาติบ้านเมือง รับใช้แผ่นดินรับใช้ประชาชน ถ้าเรารวมกันได้เราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาใครคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามต่อว่าหลังจากที่แสดงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยที่พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ได้พูดคุยกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยเรื่องงานอย่างเดียว เมื่อวานก็ยังไลน์รายงานสถานการณ์ต่างๆให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า นายอนุทินได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี นายอนุทินถึงกับร้องฮะ ก่อนกล่าวยืนยันว่าเมื่อไหร่ ไม่มี ตนรับประทานอาหารกับนายทักษิณ ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ส่วนที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค สส. และรัฐมนตรีของพรรคในเย็นวันพรุ่งนี้ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เป็นวาระการประชุมปกติประจำสัปดาห์ ขณะนี้ใกล้เปิดสมัยประชุมสภาและขณะนี้เราเป็นกรรมาธิการต้องมาหารือกันที่จะปกป้องงบประมาณ ในส่วนที่กระทรวงทบวงกรมที่พรรคภูมิใจไทย ดูแลอยู่ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนจะมีการแจ้งท่าทีของพรรคในการร่วมรัฐบาลให้สส.รับทราบหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่มี เพราะเรื่องสภาก็เป็นเรื่องของสภา การบริหารราชการแผ่นดินก็เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี จะได้ไม่ต้องเอาความกังวล ไปให้กับสส เขาจะได้ทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรรับใช้ประชาชน ให้เลือกเขามาอย่างเต็มที่
ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง การปรับคณะรัฐมนตรี ที่อยากให้ปรับกระทรวงกลาโหมมากที่สุด และกระทรวงมหาดไทยอยู่ในลำดับที่ 12 นายอนุทินกล่าวว่า โพล มหาวิทยาลัยมหิดล โชคดีของตนอยู่ท้ายหน่อย โพลแบบนี้อยากอยู่ท้ายๆไม่อยากอยู่ 1 ใน 5 ก็ดีที่กระทรวงของพรรคภูมิใจไทย ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ ให้คะแนน กับการทำงานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้กรุณาให้ตนอยู่ในลำดับท้ายๆ เท่ากับแสดงให้เห็นว่าพวกเราทำงาน
เมื่อถามต่อว่า สวนทางกับการทำงานทางการเมืองหรือไม่ พรรคภูมิใจไทยถูกขย่มเรื่อง ของเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน เชื่อว่า เสียงของประชาชนศักดิ์สิทธิ์ และถูกต้องมากกว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆทางการเมือง เพราะตรงนั้นเราไม่รู้ว่ามีอคติ หรือมีความโน้มเอียงใดๆบ้าง เราต้องฟังเสียงจากประชาชน ถึงบอกว่าต้องฝากผู้สื่อข่าวไปกราบ ขอบคุณประชาชนจากโพลมหิดล เพราะอย่างน้อยเป็นขวัญและกำลังใจของคนทำงาน
เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำตามโจทย์ของประเทศแก้ไขปัญหาชายแดนก่อน แต่ตอนนี้กลับมุ่งไปที่การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นหลัก นายอนุทิน เชื่อว่า ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ก็เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเหมือนกันอยู่แล้ว คนก็พูดแต่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว ยังไม่เคยหารือ ผู้สื่อข่าวก็ถามว่า เดี๋ยวก็จะปรับแล้ว แต่ตนก็ยังหารือกับนายกฯเมื่อวาน ท่านก็ยังสั่งงาน อวยพรให้เดินทางปลอดภัย แล้วช่วงนี้นายกรัฐมนตรีก็เดินทางเยอะ มท. 1 ก็เดินทางเยอะ ก็ให้กำลังใจในการทำงานของกันและกัน
เมื่อถามว่ายังเชื่อมั่นและเชื่อใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร อยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อมั่นและเชื่อใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เสมอ
ส่วนผลสำรวจประชาชน ที่ระบุว่าเชื่อมั่นกองทัพในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย -กัมพูชามากกว่ารัฐบาล จะเป็นการสะท้อนภาวะผู้นำหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องมองทุกอย่างให้เป็นบวกหมด วันนี้อย่าไปมองอะไร เพื่อให้มันแตกแยก ถ้าเป็นเรื่องการป้องกันอริราชศัตรู การรักษาธิปไตยของบ้านเมือง ตอนนี้เรามีกองทัพ แต่กองทัพทำตามนโยบายของรัฐบาลถูกไหม ซึ่งนโยบายรัฐบาลผ่านสมช. และในเรื่องการบริหารราชการชายแดนขอให้เป็นการตัดสินใจของกองทัพ ก็มอบไปที่แม่ทัพภาคที่ 2 ทุกอย่างมีการมอบเป็นทอดๆ สิ่งที่เราควรจะต้องทำก็คือ การสนับสนุนผู้ปฏิบัติงาน ทุกรูปแบบอย่างเต็ม กำลัง เรื่องในชายแดน เป็นเรื่องของทหารและกองทัพ รัฐบาลก็สนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายปกครอง ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย ให้การสนับสนุน ระวังหลังให้ มหาดไทยเป็นบ้านทหารเป็นรั้ว ตามสโลแกนของนายกรัฐมนตรี เราต้องทำบ้านให้เรียบร้อยเพื่อที่รั้วของเราจะได้มีความปลอดภัย
ส่วนที่ทางกัมพูชาหันปลายกระบอกปืนมายังฝั่งไทย ในฐานะที่การกระทรวงมหาดไทยจะช่วยสนับสนุนงานอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่าทหารเขามีวิธีการ ที่จะป้องกันอันตราย อยู่แล้ว ตนคิดว่าคนที่ไม่มีหน้าที่ในเรื่องนี้อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็นใดๆ ทหารมีแผนเผชิญเหตุรองรับ แผนการปะทะแผนการรุกทุกรูปแบบอยู่แล้ว ต้องเชื่อมั่น ในแสงยานุภาพของกองทัพ และตนเชื่อมั่น พร้อมขออย่าไปเพิ่มปัญหาใดๆ ให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และต้องให้การสนับสนุน ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด และเกิดความปลอดภัยสูงสุด
Advertisement