ด่วน! กต.เผยถก JBC คุยดีพรุ่งนี้รู้เรื่อง ย้ำจุดยืนไทยไม่ไปศาลโลก
กระทรวงต่างประเทศแจงวง JBC ไทย-กัมพูชาราบรื่นดี คุยปรับความคิดแก้ข้อพิพาท ย้ำจุดยืนไม่ไปศาลโลกคาดประชุมเสร็จพรุ่งนี้ ปัดตอบเรื่องไลน์หลุดขอตรวจสอบก่อน
วันนี้ (14 มิถุนายน 2568) เวลา 15.50 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ล่าสุดไทย-กัมพูชา รวมถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยระบุว่า วันนี้มี 2 เรื่องที่จะมาอัปเดตให้ข้อมูลโดยเป็นเรื่องที่ชาวไทยและสื่อมวลชนกำลังติดตามอยู่ สำหรับเรื่องแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 2 และประเด็นที่สองเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง โดยตามที่ทุกคนได้ทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้วันที่ 14 มิถุนายน 2568 กัมพูชาเป็นเจ้าภาพร่วมการประชุม JBC ครั้งที่ 6 เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อเช้า โดยประมาณ 9 โมงเช้าที่ผ่านมา โดยหลังจากที่คณะผู้แทนไทยนำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝ่ายไทยได้เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและมีการได้ประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการอย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ขอให้รัฐมนตรีเรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะเพื่อที่จะจะได้มีข้อสั่งการ
โดยขอรายงานเรื่องความคืบหน้าการประชุม JBC ดังนี้ โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการเริ่มการประชุมด้วยการพบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชากลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุมJBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นด้านเทคนิคที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของเจบีซี เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งในช่วงบ่ายเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางเอาไว้ เช่นการพูดคุยเกี่ยวกับด้านเทคนิคและคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้
ส่วนบรรยากาศในการประชุมเป็นไปด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วย in good face เดินหน้าคุยและปรับความคิดหากันด้วยดี ทางฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต
ส่วนประเด็นที่อยากจะเรียนให้สื่อมวลชนได้ทราบวันนี้ตามที่ยังมีคำถามมาที่กระทรวงต่างประเทศว่า ขอใช้โอกาสนี้ในการยืนยันอีกครั้งหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับประเด็นเรื่องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือ ICJ ทางกระทรวงการต่างประเทศไทยขอยืนยันอีกครั้งนึงว่าไทยไม่ได้รับเขตอำนาจของ ICJ อันนี้เป็นไปตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอย้ำว่าไทยต้องการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว รวมถึงการหารือทางการทูตเนื่องจากเรามั่นใจว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด
นอกจากนี้ กลไกการหารือทางการทูตก็ยังเป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติสากลในการแก้ไขปัญหาตามที่สหประชาชาติได้กำหนดไว้โดยกลไกเจบีซีและกลไกอื่นๆ ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยขอยกตัวอย่างการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทยกัมพูชาบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท เป็นต้น และกลไกเหล่านี้ก็จะสะท้อนถึงประสิทธิผลความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
สุดท้ายนี้ขอย้ำว่าบรรยากาศการประชุมในวันนี้เป็นไปด้วยดีทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาและเมื่อการประชุมเสร็จสิ้น ซึ่งน่าจะเป็นในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการแจ้งสรุปผลการประชุมให้กับพี่น้องสื่อมวลชนทราบต่อไป
ขณะที่ในช่วงตอบคำถาม ได้มีนักข่าวสอบถามทางกระทรวงการต่างประเทศ มีว่าในที่ประชุม JBC มีการหยิบยกเรื่องพื้นที่ 4 จุดที่มีข้อพิพาท ฝ่ายไทยได้แจ้งทางฝ่ายกัมพูชาถึงจุดยืนของไทยรวมไปถึงการแจ้งกับกัมพูชากรณีละเมิด MOU 2543 ที่ช่องบกอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ โฆษกกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศระบุว่าการหารือยังคงดำเนินอยู่ ดังนั้นตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งหากมีก็ยังไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้
นักข่าวและมีการสอบถามกรณีไลน์หลุดของฝ่ายไทยเรื่องการยอมรับแผนที่ตรงนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่าไม่ทราบส่วนตัวได้ยินข่าวลือว่ามีไลน์หลุดแต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ เนื่องจากว่ายังคงต้องติดตามการประชุม จึงยังไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้แต่ทันทีที่ทราบจะรีบรายงานให้สื่อมวลชนได้ทราบทันที
ส่วนสถานการณ์พัฒนาการในตะวันออกกลางตามที่ทางกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งถึงเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเมื่อวานนี้ขณะนี้ยังมีการโจมตีระหว่างประเทศทั้งสองอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการต่างประเทศขอเรียนว่าประเทศไทยมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวและการขยายตัวของความขัดแย้งที่มีผลกระทบมากขึ้นในวงกว้างประเทศไทยจึงขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดและร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ไว้แล้วหากเกิดกรณีจำเป็นโดยกระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มดำเนินการศูนย์ RRC เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆและสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือคนไทยในกรณีจำเป็นส่วนในกรณีฉุกเฉินสามารถติดต่อรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยทุกแห่ง
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องชาวไทยในพื้นที่มีความตื่นตัวและติดตามประกาศแจ้งเตือนต่างๆและแนวปฏิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูตไทยในภูมิภาคอย่างใกล้ชิดรวมถึงขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางในพื้นที่ดังกล่าวหากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยหากน่านฟ้าเปิดและมีเที่ยวบินขอให้คนไทยพิจารณาเดินทางออกในทันที
Advertisement
