Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ผบ.เรือนจำแจงศาลปมชั้น14 รับแพทย์เขียนใบส่งตัว ทักษิณ ล่วงหน้าฉุกเฉิน

ผบ.เรือนจำแจงศาลปมชั้น14 รับแพทย์เขียนใบส่งตัว ทักษิณ ล่วงหน้าฉุกเฉิน

13 มิ.ย. 68
13:44 น.
แชร์

ศาลฯ ไต่สวน ผบ.เรือนจำละเอียดยิบนานกว่า 1 ชม. ขั้นตอนส่งตัว "ทักษิณ" รพ.ตำรวจ ยอมรับแพทย์เขียนใบส่งตัวล่วงหน้าฉุกเฉิน สามารถรักษานอกเรือนจำได้

วันที่ 13 มิ.ย. 68 ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีการนัดไต่สวน กรณีการเข้ารักษาตัวของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อพิจารณาว่าการรักษาตัวดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ และมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อกำหนดของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ 

โดยศาลได้ไต่สวนนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งศาลได้ไต่สวนในขั้นตอนของการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ เป็นข้อสงสัยหลังศาลได้อ่านเอกสารคำชี้แจงนานกว่า 1 ชั่วโมง 

ศาลได้ถามถึงกระบวนการในวันส่งตัวนายทักษิณ ในวันที่ 22 ส.ค. 67 ว่าได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจและปฏิบัติกับนายทักษิณอย่างไร ซึ่งทางนายมานพได้ชี้แจงว่า ในวันที่ 22 ส.ค.ได้รับตัวนายทักษิณจากศาล มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 14.00 น. ซึ่งมีการตรวจร่างกาย โดยพญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ได้ตรวจร่างกายและเขียนใบรับรองว่ามีโรคความดันสูงโรคหัวใจ อยู่ในกลุ่ม 608 พร้อมเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหากฉุกเฉิน จะได้สามารถส่งตัวได้ทันทีเมื่อมีอาการ 

ทางเจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือและ และรับมอบประวัติการรักษาจากต่างประเทศ มีการตรวจค้น ตรวจตัว และบันทึกลงระบบ 

จากนั้นในเวลา 22.00 น. พยาบาลของสถานพยาบาลภายในเรือนจำได้เข้าไปตรวจนายทักษิณ พบว่ามีความดันผิดปกติ ออกซิเจนมีความผิดปกติ แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ แขนขาอ่อนแรง จึงได้โทรไปปรึกษาหมอของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าสามารถส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำได้ ทางพัสดีเวรจึงมีคำสั่งตามคำวินิจฉัยแพทย์ ส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 

ศาลจึงได้ถามว่าปกติมีการเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายมานพ ยืนยันว่า มีและทำเป็นปกติในกรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 แต่กรณีของนายทักษิณตนไม่ทราบเหตุผล ส่วนอาการในคืนนั้นของนายทักษิณตรงกับใบส่งตัวล่วงหน้าเลยใช่หรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า เห็นแค่ในรายงานเอกสาร แต่ส่วนตัวไม่เห็น 

ศาลจึงได้ทวงถามถึงประวัติการรักษาจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากไม่มีการส่งหลักฐานให้กับศาล พร้อมถามถึงรายละเอียดการส่งตัวของผู้ต้องขังไปรักษา นอกเรือนจำมีขั้นตอนอย่างไร และอาศัยตามอำนาจกฎหมายใด ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามระเบียบราชทัณฑ์ 2563 เนื่องจากมีความแตกต่างกัน  นายมานพ ชี้แจงว่าเป็นขั้นตอนตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 และกฎกระทรวง ว่าสามารถส่งตัวผู้ต้องขัง ที่มีอาการป่วยในเวลาปกติได้ ซึ่งก็คือในเวลาราชการ โดยตามระเบียบจะต้องประเมินอาการในสถานพยาบาลในเรือนจำก่อน หากมีอาการหนักก็จะส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกกรณี และหากมีอาการหนักกว่าเดิมสามารถส่งไปรักษาตัวโรงพยาบาลนอกเรือนจำได้ ส่วนก่อนหน้านี้จะมีนักโทษในคดีทางการเมืองถูกส่งไปรักษานอกประจำแบบนายทักษิณหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ในระยะเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งมานั้นมี เช่นผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยมะเร็ง 

ศาลจึงถามต่อว่า ตอนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตลอดเวลาหรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า มีการส่งไปตลอด มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 นาย เวรละ 2 นาย สลับกลางวันกับกลางคืน แต่เจ้าหน้าที่ 1 คนสามารถเข้าเวรต่อเนื่องได้ โดยจะมีการลงชื่อในสมุดเข้าเวร และมีการเซ็นเบิกค่าเงินเข้าเวร ศาลจึงได้ขอหลักฐานการเบิกเงินเข้าเวร จะให้ส่งมาพร้อมกับประวัติการรักษาตัวนายทักษิณในต่างประเทศ ภายใน 15 วัน 

จากนั้นศาลได้เปิดให้คู่ความไต่สวนพยานได้ แต่จะต้องไม่เป็นการซักค้านศาล โดยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณได้ขออนุญาตต่อศาลเพื่อ สอบถามข้อมูลบางส่วนกับพยานโดยตรงในชั้นไต่สวน ศาลได้ชี้แจงต่อทนายความจำเลยว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ทนายความจำเลยถามคำถามต่อพยานได้โดยตรง แต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละคำถามตามความเหมาะสม 

โดยทนายวิญัติได้เริ่มถามข้อที่ 1 ว่าการส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยออกไปรักษาโรงพยาบาลนอกความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำ MOU ร่วมกับโรงพยาบาลอื่นหรือไม่ เช่นโรงพยาบาลตำรวจ 

ศาลได้ตอบแทนพยาน ว่าส่วนนี้ทางกรมราชทัณฑ์มี MOU ในเอกสารอยู่แล้ว 

ทนายจึงถามข้อที่ 2 ต่อว่า ที่ผ่านมาทางเรือนจำ มีกรณีใดหรือไม่ ที่ส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวภายนอกโดยไม่ผ่านขั้นตอนโรงพยาบาลเรือนจำฯ แต่คำถามนี้ศาลไม่อนุญาตให้ถาม เนื่องจากเป็นการถามค้านศาล 

ส่วนข้อที่ 3 พยานรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ผู้ต้องขังมีประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ไม่ใช่พึ่งมีอาการ นายมานพระบุว่าไม่ทราบ 

ข้อที่ 4 พยานทราบหรือไม่ว่าในระหว่างปฏิบัติราชการอยู่มีการคุมตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาที่นอกเรือนจำทั้งประเทศจำนวนเท่าใด 

ศาลไม่อนุญาตให้ตอบ 

ข้อที่ 5 ตามกฎกระทรวงเรื่องการคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำเจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุมตัวตลอดเวลาใช่หรือไม่ 

ศาลแจ้งกลับว่า ในข้อคำถามดังกล่าวศาลได้กำหนดนัดหมายเรียกพยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ควบคุมตัวนายทักษิณมาไต่สวนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ถาม 

ข้อที่ 6 จากการที่พยานกล่าวว่าแนวทาง ปฏิบัติกฎกระทรวงปี 2563 พยานไม่มีส่วนในการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้มาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ(SOP) ถือว่าเกิดขึ้นก่อนหน้ากรณีของนายทักษิณใช่หรือไม่ 

นายมานพ ยืนยันว่า ใช่ 

ข้อที่ 7 การที่ราชทัณฑ์มารับตัวผู้ต้องขังจากศาลฎีกาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67 วิธีการซักประวัติถ่ายรูปตรวจร่างกายถือว่าเป็นการรับโทษแล้วหรือไม่ แต่ ศาลไม่อนุญาตให้ถามเพราะจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง 

ข้อที่ 8 พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในเรือนจำมี 1 คนต่อ 1 รอบเวรใช่หรือไม่ 

นายมานพ ระบุว่า พยาบาล 1 คนต่อ 1 เวรจะต้องดูแลผู้ต้องขังจำนวน 4,000 คน 

ส่วนข้อที่ 9 กลุ่ม 608 คือกลุ่มอะไร แต่ในข้อคำถามนี้ศาลแนะนำว่าควรจะสอบถามไปที่แพทย์มากกว่า เพราะมีความรู้เฉพาะเจาะจง แต่นายวิญญัติ ยืนยันว่าจะถามผู้บัญชาการเรือนจำว่าเข้าใจหรือไม่ว่า คนไข้กลุ่ม 608 คือใคร ศาลจึงอนุญาตให้ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจง ซึ่งระบุว่ากลุ่ม 608 หมายถึงกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปป่วยด้วย 8 โรค กลุ่มนี้ทางเรือนจำจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดการเรียกว่ากลุ่ม 608 เกิดขึ้นในสมัยการแพร่ระบาดของโควิด 

ต่อมาเวลา 10.30 น. ทนายวิญญัติขออนุญาตอ่านคำชี้แจงต่อศาลว่าขอขยายระยะเวลาการส่งเอกสารเพิ่มเติมภายใน 23 มิ.ย.นี้ และขอเบิกตัวพยานฝ่ายจำเลยที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยจะส่งรายชื่อและรายละเอียดให้ศาลพิจารณาก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยศาลได้ระบุว่าในคดีดังกล่าวจะมีการไต่สวนอีกหลายนัดและมีการเรียกพยานมา และขอให้ทำเรื่องมาซึ่งศาลจะวินิจฉัยเองว่าได้หรือไม่ได้ 

ทนายวิญญัติ ได้ขอต่อศาลว่า ขอไม่ให้มีนัดในเดือน ก.ค. เนื่องจากนายทักษิณมีกำหนดนัดคดีมาตรา112 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ต้องไปปรากฏตัว โดยศาลได้ชี้แจงว่า ศาลเองก็มีข้อจำกัดในการกำหนดนัดผู้พิพากษา และการจัดเตรียมสถานที่จึงขอให้ทีมทนายความจัดสรรเวลา และผู้มาฟังการไต่สวน เพราะนายทักษิณไม่จำเป็น ต้องเดินทางมาด้วยตนเองสามารถมอบหมายทนายความให้เป็นตัวแทนได้ 

แต่ทนายความวิญญัติได้ชี้แจงว่าอยากขอความเมตตาเนื่องจากตนเองเป็นทนายความเพียงคนเดียวที่ได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งนายทักษิณจำเป็นต้องมีทนายความที่ไว้วางใจในการ เดินทางขึ้นศาลในแต่ละครั้ง 

อย่างไรก็ตาม ศาลได้นัดไต่สวนพยานในครั้งถัดไปคือวันที่  4 ,8,15,18,25 และ 30 ก.ค. 68 พร้อมเรียกพยานสอบ 3 นัดถัดไปรวม 20 ปาก ประกอบด้วย พยาบาลในสถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แพทย์ในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาชี้แจง พร้อมเรียกเอกสารรายงานของ กสม.และมติแพทยสภา ที่มีการพิจารณากรณีส่งตัวรักษานายทักษิณ ชั้น 14 เพิ่มเติมจาก ป.ป.ช.

Advertisement

แชร์
ผบ.เรือนจำแจงศาลปมชั้น14 รับแพทย์เขียนใบส่งตัว ทักษิณ ล่วงหน้าฉุกเฉิน