นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บัญชีรายชื่อ และในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวบนเวทีงานเสวนา "เพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ)" ให้แก่นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น
โดย นายไชยชนก ขอบคุณฝ่ายบริหารจากใจ ที่ได้ออกมาทำกิจกรรมนี้หลายรอบ ทุ่มเทพัฒนาเรียนรู้และสื่อให้เข้าใจว่าตามทันปัญหาได้มากขึ้นเรื่อยๆ และผลกระทบก็จะไปตกกับประชาชน ภูมิใจมากๆที่ได้อยู่บนเวทีนี้กับทุกคน
โดย นายไชยชนก ยังกล่าวถึง ในสถานการณ์ปัจจุบัน คงไม่มีความจำเป็นที่ตนจะต้องเน้นย้ำอธิบายว่าทำไมเรื่องภัยธรรมชาติไม่ปกติ และคงไม่มีความจำเป็น จะต้องย้ำอธิบายว่าทำไมภัยความมั่นคงก็ไม่ปกติ แต่มีอยู่ 1 เรื่องที่ตนมีความจำเป็นจะต้องเน้นย้ำ ของสถานการณ์ คือความไม่ปกติของสถานการณ์การเมือง เรื่องนี้สิ่งที่ตนจะบอกกับทุกท่านและขอให้ทุกท่านตั้งใจฟังให้ดี
ในฐานะนักการเมือง ตนเชื่อว่าทุกท่านติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องประเด็นการปรับครม. สิ่งเดียวที่ตนจะต้องย้ำกับทุกคนคือ สติ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้บริหารของพวกท่าน หน้าที่ยังคงเหมือนเดิม คือต่อประชาชนคนไทยไม่ใช่ผู้บริหาร เพราะฉะนั้นอย่าเอาเวลา อย่าเอาสมาธิ ไปกังวลเรื่องนั้น แต่ขอให้เอาเวลามานั่งคิด ถามดูว่าเราทำทุกอย่าง ที่เราทำได้แล้วหรือยัง เพื่อที่จะเตรียมรับมือช่วยเหลือประชาชนกับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่กำลังเกิดและจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า พวกเราทุกคนตรงนี้ทำอยู่ แล้วจะทำต่อ เพื่อที่จะมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ไปประกอบใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ขออย่าเอามารกหัวพวกท่าน มันไม่ใช่อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ แต่หน้าที่รับผิดชอบของพวกท่านคือกับประชาชน
ขณะเดียวกัน นายไชยชนก ยังกล่าวถึงสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ว่า ในสถานการณ์ที่มีเรื่องภัยความมั่นคงเป็นแนวหลัง ในฐานะที่รวมตัวกัน อยากจะบอกว่าต้องมี สติ เราต้องเตือนสติประชาชนเช่นกันในเรื่องนี้ วันนี้เราต้องไม่ตระหนก วันนี้รั้วของชาติกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและเข้าใจสถานการณ์ดี เราต้องทำหน้าที่แถวหลัง และต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนตื่นตัว แต่ไม่ตระหนก ต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยไม่ทำให้ประชาชนจิตตก และต้องรู้ด้วยว่า ปัจจุบันตอนนี้รั้วของชาติของเราหรือเหล่าทหาร ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก จึงอย่ากลัวที่จะขอความสนับสนุนจากประชาชนเช่นกัน
ท้ายที่สุดตนอยากจะให้เห็นอย่างหนึ่งว่า พอคนไทยเราเลิกทะเลาะกัน แล้วเราสามัคคีกัน มีเป้าหมายเดียวกันในการรักชาติ อยากปกป้องชาติ จะเกิดพลังมหาศาล ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เราได้เห็นพลังของแผ่นดินไทย ฉะนั้นหากเราใช้ตรรกะเดียวกัน และความรู้สึกเดียวกันใน การเผชิญกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือเรื่องโรคระบาด ตนเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านไปได้ทุกอย่าง และจะทำอย่างมีศักยภาพด้วยความภาคภูมิใจ และความสามัคคี และหลังจากนั้นเราจะพัฒนาประเทศไปได้อย่างยั่งยืน ตนไม่อยากให้ทุกท่านจิตตก แต่อยากให้ทุกท่านเชื่อมั่นและมั่นใจว่า หากเราสามัคคีกันและตระหนักทำอย่างมีสติ เราสามารถทำได้อย่างแน่นอน
Advertisement