กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาทเรื่องเส้นเขตแดน และนี้คือไทม์ไลน์สำคัญของเหตุการณ์นี้ ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาต่าง ๆ และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
- เวลา 05.30 น. กองกำลังสุรนารีได้รับรายงานว่าทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งผิดข้อตกลงเดิม จึงจัดชุดประสานงานเข้าพูดคุย
- เวลา 05.45 น. ทหารไทยเดินทางถึงพื้นที่และพบการขุดคูสนามเพลาะยาวกว่า 650 เมตร ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลง ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่โดยพลการ ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้าและมีการยิงปะทะกันนานประมาณ 10 นาที
- เวลา 06.00 น. พล.ต. ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 (กัมพูชา) ประสานทางโทรศัพท์กับ พ.อ. บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ไทย) เพื่อยุติการปะทะ ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังในจุดปะทะ
- กระทรวงกลาโหมกัมพูชายืนยันว่ามีทหารเสียชีวิต 1 นาย และกล่าวหาว่าทหารไทยเปิดฉากยิงก่อ ขณะที่ฝ่ายไทยไม่มีทหารเสียชีวิต
- พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกไทย ยืนยันว่าทหารไทยไม่ได้เปิดฉากยิงก่อน แต่เป็นการยิงแจ้งเตือนเพื่อให้หยุดการกระทำ
- กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือประท้วงถึงสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ยืนยันว่าทหารไทยยิงก่อนและเรียกร้องให้สอบสวน
- กระทรวงการต่างประเทศไทย ได้ตอบโต้โดยยื่นหนังสือประท้วงยืนยันว่าการกระทำของทหารไทยอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นการยืนยันอธิปไตยและปฏิบัติตามหลักสากล
วันที่ 29 พฤษภาคม 2568
- พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกไทย เจรจากับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายตกลงถอนกำลังไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมฝ่ายละ 200 เมตร เพื่อรอการประชุมผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission หรือ JBC)
วันที่ 30 พฤษภาคม 2568
- กัมพูชาเผยแพร่แถลงการณ์ระบุผลการเจรจา ส่วนใหญ่ตรงกับไทย ยกเว้นการถอนกำลัง โดยอ้างว่าทหารประจำการมาตั้งแต่ก่อนลงนาม MOU43
- เวลา 23.30 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยยืนยันว่าพื้นที่ช่องบกรวมถึงปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา และประกาศว่าจะไม่ถอนทหารออกจากจุดปะทะที่ช่องบก
- ฮุน เซน อ้างกองทัพกัมพูชาประจำการอยู่ในพื้นที่ มาตั้งแต่ก่อนข้อตกลงสันติภาพปารีสในปี 1973 และก่อนที่จะมีการลงนาม MOU43 และระบุว่าองค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) สามารถเป็นพยานได้
วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
- พล.ต.วินธัย เผยสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่รุนแรงถึงขั้นที่ต้องปิดด่านข้ามแดน แต่ยอมรับว่าการปิดด่านเป็นหนึ่งในแนวทางที่หน่วยงานในพื้นที่อาจนำมาพิจารณา หากจำเป็นต้องรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน
- สำหรับชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีความยาวประมาณ 798 กิโลเมตร โดยตลอดแนวชายแดนนี้ มีจุดผ่านแดนถาวรเปิดให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออก และใช้สำหรับการขนส่งสินค้าอยู่ราว 6-7 แห่ง
- นอกจากนี้ยังมีจุดผ่อนปรนชายแดน อีกประมาณ 9-10 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการค้าชายแดนหรือการท่องเที่ยว ทั้งนี้แต่ละจุดจะมีข้อกำหนด รวมถึงเวลาเปิด-ปิดที่แตกต่างกัน
วันที่ 1 มิถุนายน 2568
- นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยว่าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา เตรียมจัดการประชุมร่วมกันในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือเรื่องการปักปันเขตแดนที่ยังตกค้าง โดยฝ่ายไทยยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังเป็นไปด้วยดี ไม่มีความขัดแย้ง พร้อมเจรจาอย่างสันติ และมีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
- นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ภายใต้การควบคุม โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า พร้อมดำเนินการตามหลักกฎหมายและแนวปฏิบัติสากล
- ทั้งได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันในการหาหนทางคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้น
วันที่ 2 มิถุนายน 2568
- พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยัน “ปราสาทตาเมือนธม” ตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศไทย และขอให้ทุกฝ่ายอย่าประมาทเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีสติรอบคอบ
- กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือผ่านสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ มายังการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย เรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุทหารไทยยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิต ซึ่งอ้างว่าทหารไทยเป็นฝ่ายยิงก่อน โดยไม่มีเหตุอันควร ขอให้นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
- ฮุน เซน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภา มีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง ต่อแผนการดำเนินการของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการยื่นข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก (ICJ)
- รัฐสภากัมพูชาได้ตอบรับท่าทีของผู้นำในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง ให้ส่งเรื่องพื้นที่พิพาท 4 แห่ง ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตไปยังศาลโลก เพื่อให้มีการพิจารณาตัดสินอย่างเป็นทางการ
วันที่ 3 มิถุนายน 2568
- นายภูมิธรรม แสดงจุดยืนแก้ไขข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ผ่านความตกลงในบันทึกความเข้าใจ MOU43 และเจรจาผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ย้ำ “ใช้สงครามเป็นบรรทัดสุดท้าย” ยึดมั่นในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน
วันที่ 4 มิถุนายน 2568
- รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ย้ำว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยและเห็นพ้องที่จะร่วมมือกัน เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ความปกติ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทยให้ถึงที่สุด และจะใช้มาตรการต่างๆ ในการคลี่คลายสถานการณ์ตามกรอบกฎหมาย และข้อตกลงกับประเทศกัมพูชา ตาม MOU43 อย่างสันติ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียและความเสียหายโดยไม่จำเป็น
วันที่ 5 มิถุนายน 2568
- เวลา 06.30 น. กัมพูชาออกแถลงการณ์ จะไม่นำประเด็นขัดแย้งเรื่องพื้นที่ช่องบก และปราสาท 3 แห่งตามแนวชายแดนถก JBC วันที่ 14 มิ.ย. นี้ อ้างกำลังเตรียมนำขึ้นศาลโลก
- เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม” แถลงการณ์ยืนยันไทยจำเป็นต้องเพิ่มกำลังชายแดน- เสริมมาตรการรับมือ หลังกัมพูชาปฏิเสธข้อเสนอพูดคุยผ่าน JBC ย้ำจะไม่ให้ใครรุกอธิปไตยไทย
- ในเวลาต่อมา กองทัพบกเชิญชวนคนไทย ติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้พี่น้องทหารเรา ขณะที่ประชาชนแห่ส่งกำลังใจพร้อมติดแฮชแท็ก
- กองทัพภาค2 โพสต์ภาพข้อความของกองทัพบก ด้วยว่าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจคืออำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน ร่วมส่งกำลังใจ ง่ายๆ เพียงติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด และขอพลังใจให้ทหารไทย Like Love share ในโพสต์นี้ได้
- ทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมสนับสนุน กองทัพบกในทุกมิติ และทุกระดับการปฏิบัติเพื่อป้องกันอธิปไตย รวมถึงประชาชนชาวไทยจำนวนมาก แห่ส่งกำลังใจพร้อมติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
- นายภูมิธรรมหารือกับ พล.อ. เตีย เซยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันในการลดระดับความตึงเครียดบริเวณชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงปฏิเสธที่จะถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่จุดปะทะ
- นายภูมิธรรม ยอมรับว่ากัมพูชามีการรุกล้ำชายแดนไทยลึกเข้ามาราว 200 เมตร โดยไทยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน และจะใช้โอกาสในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ
- เนื่องจากกองทัพกัมพูชาได้มีการจัดการฝึกรบใกล้เกาะกูดของไทย ทางพล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ระบุว่า หน่วยข่าวกรองได้ติดตามการฝึกรบของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ยืนยันมีความพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือรัฐบาลเจรจาสันติภาพ
- เวลา 16.30 น. รัฐบาลออกแถลงการณ์ ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ "เจบีซี" แก้ปัญหา
- ด้านนายกฯ ไทยประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันด้วยว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกในเรื่องดังกล่าว โดยไทยต้องการใช้กลไกทวิภาคีเป็นแนวทางหลักในการรักษาความสัมพันธ์กับกัมพูชา
- ในฝั่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงจุดยืนว่าจะไม่นำข้อพิพาทใน 4 พื้นที่ ได้แก่ สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าหารือในที่ประชุม JBC โดยจะขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เป็นผู้พิจารณา
วันที่ 6 มิถุนายน 2568
- กระทรวงกลาโหมกัมพูชา โพสต์ข้อตกลงที่ได้หารือกับนายภูมิธรรม ยังยืนยันไม่ถอยทหารออกจากช่องบกตามคำขอของไทย ย้ำเป็นอธิปไตยของเรา
- นายกฯ เผยหลังประชุมร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยืนยันรัฐบาลและกองทัพหารือสนับสนุนและร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง เน้นย้ำเรื่องการรักษาความมั่นคงแห่งอธิปไตยไทย พร้อมผนึกกำลังทำงานเป็นเอกภาพด้วยแนวทางสันติวิธีและกลไกเจรจา
- ในมติที่ประชุม สมช. มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลัก ในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด
วันที่ 7 มิถุนายน 2568
- พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่องควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน
- ขั้นที่ 1 : จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็นและเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ
ขั้นที่ 2 : ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน
ขั้นที่ 3 : ปิดจุดผ่านแดนบางจุดที่ความเสี่ยงสูง
ขั้นที่ 4 : ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีวิกฤตหรือมีการรุกราน
- กองกำลังสุรนารีประกาศ ปรับเวลา เปิด-ปิด 4 จุดผ่านแดนถาวรภาคอีสาน ระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มบังคับใช้ 7 มิถุนายน 2568 เพื่อเสริมความมั่นคงและควบคุมการเข้าออกตามกฎหมาย ดังนี้
- 1. จุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า
2. จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู
3. จุดผ่อนปรนการค้าช่องสะงำ
4. จุดผ่อนปรนการค้าช่องจาน
- ฝ่ายความมั่นคงประกาศ ปิดแหล่งท่องเที่ยวผามออีแดง ระบุว่า อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชน จึงขอประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวผามออีแดงอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้มีคำสั่งปิดประตูจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่เชื่อมต่อกับเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชาแล้ว โดยไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเดินทางข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา และห้ามคนไทยข้ามไปยังบ่อนกาสิโนในฝั่งกัมพูชาโดยเด็ดขาด
- เวลา 17.00 น. กระทรวงการต่างประเทศไทย แถลงยกระดับโต้กัมพูชา หลังปฏิเสธข้อเสนอลดความตึงเครียด-เสริมกำลังพลเข้าประชิดแนวชายแดน พร้อมเดินหน้าเจรจาอย่างสันติวิธี
- เวลา 23.00 น. ฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊กหลังกองทัพไทยประกาศปิดด่าน ระบุไทยต้องรับผิดชอบกับการกระทำดังกล่าว เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนไทยเอง
วันที่ 8 มิถุนายน 2568
- นายภูมิธรรม แจ้งทหารกัมพูชาถอนกำลังแล้ว หลังไทยออกมาตรการคุมเข้มจุดผ่านแดนชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีการปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 เรียบร้อยแล้ว
- โฆษกกองทัพบก เผยว่ากองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เริ่มใช้มาตรการควบคุมการ เปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ
- ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นที่ 1 และ ขั้น 2 ยังไม่ได้มีการปิดจุดผ่านแดนใด ๆ เว้นช่องทางธรรมชาติที่ได้ปิดไปแล้ว เป็นไปตามสภาพแวดล้อมความรุนแรงและภัยคุกคามในแต่ละพื้นที่
- แม่ทัพภาคที่ 2 แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยออกคำสั่งเข้มภายใต้แนวทางของกองทัพบก ให้ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท และประกาศเตรียมตัดไฟฟ้ากว่า 9 จุดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ปอยเปต โดยเฉพาะโซนกาสิโน หากฝ่ายกัมพูชายังเดินหน้ารุกล้ำเขตแดนไทย
- นายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก แสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำถึงความพยายามของรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น และขอให้ประชาชนคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าจะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน
Advertisement