วันที่ 29 พ.ค. ที่รัฐสภา นายอิทธิพล ชลธราศิริ ส.ส.ขอนแก่น พรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดสรรงบประมาณไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาเรื้อรังการบริหารจัดการน้ำได้จริง งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรในแต่ละปี ไม่เพียงพอ หรือการใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ เพราะในแต่ละปีมีการใช้งบประมาณ 1 แสนล้านต่อปี แต่การบริหารจัดการน้ำยังประสบปัญหาทุกปี ซึ่งในงบประมาณปี 69 มีการของบจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทั้งสิ้น 439,431 ล้านบาท
แต่โครงการที่ได้รับการจัดสรร มีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ทำให้เกิดความน่ากังวล เพราะหากแผนกับงบอยู่กันคนละทาง สนทช.จะสามารถแก้ปัญหาให้ตรงจุดได้หรือไม่ และหากบอกว่างบไม่พอ ทำไมจึงไม่เพิ่มงบประจำปี และไปขออนุมัติงบกลางทุกปี แทนที่จะจัดในงบปกติ ล่าสุดบอกว่าจะจัดสรรงบกลางเกี่ยวกับการบริหารจัดการนํ้าเป็นแสนล้าน ด้วยการผันเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อนำมาพัฒนาแหล่งน้ำ 2 หมื่นกว่าโครงการทั่วประเทศ โดยให้เวลาเสนอโครงการแค่ 3 วัน เรารอติดตามอยู่ว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนหรือให้ใคร
นายอิทธิพล ตั้งข้อสังเกตว่า ในงบกลางปี 67-68 มีการนำงบประมาณบริหารจัดการน้ำไม่สมเหตุสมผล เช่น จังหวัดที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งในปี 68 มีเพียง 3 จังหวัดคือ บุรีรัมย์ นครราชสีมา และกาญจนบุรี แต่งบกลางไม่ได้จัดสรรเร่งด่วนให้กับ 3 จังหวัดดังกล่าว นอกจากนี้ สนทช. เคยทำการศึกษาไว้ว่ามี 333 อําเภอ ที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ แต่มีเพียง 160 อำเภอที่ได้รับการจัดสรรงบ อย่างไรก็ตาม มี 271 อำเภอที่ไม่เสี่ยงขาดน้ำ แต่กลับได้รับการจัดสรรงบ
นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า เมื่อดูรายละเอียดแล้ว มีการกระจายงบประมาณก้อนดังกล่าว ไปลงในเขตเลือกตั้งของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ จากจำนวนโครงการทั้งสิ้น 2,748 โครงการ ไปลงในเขตพื้นที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมากที่สุด มี 1,662 โครงการ คิดเป็น 60% ของโครงการทั้งหมด รวมเป็นงบประมาณ 3,688 ล้านบาท และของพรรคภูมิใจไทย 445 โครงการ เป็นงบประมาณ 940 ล้านบาท พรรคกล้าธรรม 157 โครงการ งบประมาน 343 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดคิดเป็น 94% ของโครงการทั้งหมด ต้นขอถามว่าทำไมการกระจายงบประมาณถึงกระจุกอยู่แค่พื้นที่ของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า งบประมาณที่กระจายไปในเขตพื้นที่ของ ส.ส. พรรครวมรัฐบาลนั้นมีการซอยโครงการ ให้แต่ละโครงการมีมูลค่าไม่เกิน 5 แสนบาท โดยมีทั้งหมด 1,907 โครงการ คิดเป็น 69% ของงบประมาณทั้งหมด เพื่อเลี่ยงการประมูลเลือกผู้รับเหมาได้เอง ไม่ต้องผ่านกระบวนการประมูลให้เกิดความโปร่งใส และโครงการที่ทำกันมากที่สุดคือการขุดลอก และขุดเจาะบ่อบาดาล ซึ่งรัฐบาลทำเหมือนคัดลอกแล้ววาง นำโครงการเก่าที่เคยทำมาปัดฝุ่นทำใหม่
นายอิทธิพล กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าโครงการขุดลอกเจาะบ่อบาดาลไม่สำคัญ แต่ควรใส่ในงบปกติ ไม่ใช่งบกลาง งบแก้ภัยแล้งใช้แก้ภัยแล้งจริงๆ หรือกระจายรายได้ให้บางกลุ่มที่อุปถัมภ์รัฐบาล คำถามที่รัฐบาลต้องตอบคือ เหตุใดงบกลางแก้ภัยแล้งจัดงบให้พื้นที่ไม่เสี่ยงภัยแล้ง ที่บังเอิญเป็นเฉพาะพื้นที่ส.ส.รัฐบาล ข่าวลือว่างบภัยแล้งเป็นงบโควตา ส.ส.รัฐบาลเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่
Advertisement