วันที่ 29 พ.ค. รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ที่มีสาระสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เป็นพระคลังข้างที่ ว่า ในแง่เนื้อหาสาระ มุมมองของพรรคประชาชน ต่อเรื่องพระคลังข้างที่ ก็เป็นไปตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายไปแล้ว เราก็น้อมรับในเสียงวิจารณ์ของพี่น้องประชาชน และเรายืนยันว่าพรรคประชาชน เป็นพรรคมวลชน ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์เราได้ และเราเองก็ต้องนำเนื้อหาที่ประชาชนวิจารณ์ นำไปพิจารณาทบทวนตัวเองเรื่องการทำหน้าที่ต่อไป
นายรังสิมันต์ ระบุด้วยว่า เรื่องของพระคลังข้างที่จะดูเฉพาะการลงมติเมื่อวานไม่ได้ ต้องดูตั้งแต่ปี 2560 - 2561 ถ้าหากมีการเสนอเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพที่อาจจะลบข้อครหา หรือคำวิพากวิจารณ์ต่าง ๆ ได้ทางเราก็ยินดีอยู่แล้ว แต่ในข้อเท็จจริงต้อง ยอมรับว่าอย่างที่นายณัฐพงษ์ อภิปราย ดีที่สุดก็คือโหวตเห็นด้วย แต่ก็ย้ำว่าพร้อมน้อมรับคำวิจารณ์ของประชาชน
สำหรับกรณีที่สื่อบางสำนักรายงานว่า มีการถกเถียงระหว่าง สส. ในพรรคประชาชน ว่าจะลงมติอย่างไร นายรังสิมันต์ ระบุว่า ทุกพรรคการเมือง ก็ต้องมีการประชุม สส. และต้องมีข้อยุติ ในหลายเรื่องก็มีความเห็นต่างกันต่อให้เป็นพรรคการเมืองเดียวกัน ก็ต้องมีการถกเถียง บางครั้งเราอาจจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันทั้งหมด แต่ ณ จังหวะนี้ สถานการณ์นี้ การตัดสินใจลงมติอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดก็ได้ ดังนั้น เมื่อเรามีข้อยุติในพรรค มีสมาชิกบางคนไม่เห็นด้วย สุดท้ายต้องหาข้อยุติ
ส่วนการตัดสินใจหนนี้ จะเกี่ยวข้องกับทางรอดทางการเมืองของพรรคประชาชนหรือไม่ นายรังสิมันต์ มองว่า เรื่องทางรอดทางการเมือง ไม่ได้อยู่ที่เรา และไม่คิดว่าคดี 44 สส. จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ถ้ามีธงทางการเมืองมาแล้ว เราก็ตระหนักว่า รอดไม่รอด ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องกฎหมาย ต่อให้มีท่าทีประนีประนอม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เรารอดหรือไม่รอด เรามีตัวอย่างพรรคการเมืองจำนวนมาก ที่ประนีประนอมแล้วก็ไม่รอด แต่จากที่ได้แลกเปลี่ยนกันในพรรคเราพิจารณาแล้วว่าด้วยเนื้อหาสาระอย่างนี้ควรจะตัดสินใจอย่างไร มันไม่ใช่การตัดสินใจย้อนกลับไปปี 2560 - 2561 แต่มันเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าในวันนี้ เสียงส่วนใหญ่ของพรรคประชาชน มองว่า การโหวตเห็นชอบ ก็เหมาะสมแล้ว
สำหรับข้อสังเกตว่ามี สส. พรรคประชาชนบางคนไม่ได้ร่วมลงมติ ขณะที่นางสาวชลธิชาแจ้งเร็ว สส. จังหวัดปทุมธานี พรรคประชาชนก็ได้โพสต์แสดงจุดยืนหลังจากการลงมติ นายรังสิมันต์ ระบุว่า กฎหมายดังกล่าว ครม. เสนอมา ไม่ใช่นโยบายของพรรค ต้องยอมรับว่าเมื่อพิจารณากฎหมายของ ครม.ก็มีความเป็นไปได้ ที่ สส. บางท่านอาจจะติดภารกิจ ติดประชุมกรรมาธิการ หรือมีภารกิจต่างประเทศ ดังนั้นตนคงไม่สามารถตอบแทนนางสาวชลธิชาได้ แต่ด้วยความที่กฎหมายนี้เป็นของ ครม. มาตรฐานก็จะเหมือนกับกฎหมายอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากไปตรวจสอบย้อนหลัง ก็คงจะมี สส. บางคนเข้าหรือบางคนก็ไม่เข้า และในฉบับนี้ไม่ได้มีแค่พรรคประชาชน ยังมีพรรคการเมืองอื่นที่ สส. อาจจะน้อยกว่าพรรคประชาชนเล็กน้อย ไม่เข้าประชุมเช่นกัน ดังนั้น อย่าไปมองเรื่องนัยยะขนาดนั้น
Advertisement