วันที่ 23 พ.ค.68 ที่กระทรวงกลาโหม นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีโครงการจำนำข้าวว่า ตนรู้สึกเห็นใจ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนได้ให้กำลังใจ และทำให้เห็นแล้วว่า ข้าวล็อตสุดท้ายที่เขาจะขาย แต่ตนไม่ยอมให้ขาย และสุดท้ายตนก็ไปดำเนินการจนทำได้กิโลกรัมละ 18 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 ปี ขายได้เพียงแค่ 3 - 5 บาท ก็เป็นสมมติฐานหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราเสนอเรื่องนี้ไป แต่ว่าศาลปิดการเสนอพิจารณาคดีไปแล้ว และเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเหตุเป็นผลที่จะต้องพิจารณา
ทั้งนี้ตนรู้สึกเห็นใจ และอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความเป็นธรรมคืนกลับมา ในส่วนกรณีนี้ศาลก็มีอำนาจพิจารณาไป แต่ในข้อเท็จจริงหนทางการต่อสู้ทางกฎหมายก็จะต้องดำเนินการ ในฝั่งของนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องนำเอกสารหลักฐานรวบรวม เพื่อเอามาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกระบวนการ ส่วนศาลจะรับหรือไม่รับ เป็นหลักฐานหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า การต่อสู้ของทนายความในกรณีนี้ เพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ได้สู้เพื่อไม่ชดใช้ แต่ช่วยทำให้เห็นว่าการที่ท่านรับโทษอยู่นั้นไม่เป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่า ในเรื่องของนโยบายไปไม่ถึง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับปฏิบัติ แล้วบอกว่าให้ท่านรับผิดชอบ
โดยนายภูมิธรรม เปรียบเทียบว่า กรณีเรือดำน้ำ ซึ่งมีเรื่องที่ให้ตนต้องพิจารณาเต็มไปหมด หากตัดสินใจว่าจะไม่ทำต่อ หรือใครจะทำต่อ ก็จะต้องจ่าย 8,000 ล้านบาท ซึ่งใครจะไปทำต่อ ไม่ใช่ตนที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะตนมาหลังจากนั้น 8 ปีแล้ว ดังนั้นควรจะต้องทำงานตรงไปตรงมา ซึ่งจะต้องสู้กันในประเด็นนี้ เอาหลักฐานมาแล้วทำให้เกิดความเป็นจริง
ส่วนที่มีการตั้งข้อครหา สมัยที่นาย ภูมิธรรม ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ว่าการระบายข้าวล็อตสุดท้าย เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับโทษเบานั้น นายภูมิธรรม ขอถามกลับว่า รมว.พาณิชย์ เหลือข้าวล็อตสุดท้าย ตนก็ต้องขาย และการขายจะเอื้อใครหรือไม่เอื้อใคร ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เรื่องนี้มองว่าเป็นการหยิบเฉพาะส่วน เพื่อนำมาหาเรื่อง ทั้งนี้หากตนไม่ทำอะไรเลย เรื่องก็ยังค้างอยู่ จะถูกมองว่าไม่ยอมทำหน้าที่และปล่อยให้ค้างอยู่เหมือนกรณีเรือดำน้ำ ซึ่งตนไม่อยากให้เรื่องนี้ปล่อยจากตนไป
“วันนี้หากผมอยู่เฉยๆ อย่างในเรื่องของเรือดำน้ำ เพราะข้อเท็จจริงมันยังไม่เห็น และยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็ปลอดภัยทุกอย่าง ใครจะมาว่าผม ผมก็จะบอกว่าเรื่องนี้มัน 8 ปีมาแล้ว ผ่านมากี่รัฐบาลแล้วยังไม่ทำเลย ผมไม่ทำแล้วจะผิดได้อย่างไร ผมก็ทำทำทั้งที่มีเสียงวิจารณ์ว่าจะเอาผิด แต่ผมไม่สนใจ ผมถือว่าทำตามข้อเท็จจริงตามสิ่งที่เกิดขึ้น”
ส่วนเรื่องที่พูดว่าเรียกร้องความเป็นธรรมจะสอดคล้องกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรี แชร์โพสต์ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม มองว่า จะสอดคล้องหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ที่ตนต้องมาคิด คิดจากสิ่งที่ว่ารู้สึกอย่างไร ก็รับผิดชอบด้วยความรู้สึก เรื่องนี้มีความคิดเห็น 2 ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนที่เราเคารพและเคยร่วมงานกันมา เราดูจากประเด็น เราก็วินิจฉัยของเราได้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลจะเป็นคนตัดสิน อยู่ที่ข้อมูลของแต่ละฝ่ายที่จะเสนอ
ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้นั้นไม่ได้มีสัญญาณอะไรแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณ หากจะบอกว่าเรื่องนี้มีสัญญาณก็แสดงว่ากระบวนการทั้งหมดเชื่อมกันหมด มันใช่ไหมล่ะ เราพยายามยืนอยู่บนจุดยืนที่ กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามหลักของประเทศ คือการยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม พร้อมย้ำว่าหลักนิติธรรมนั้นสำคัญ หากเราไม่ยึดให้ชัดเจน หรือทำให้ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น การประชุมต่างๆ ก็จะไม่เกิด
Advertisement