ด่วน!! ศาลปกครองสูงสุด สั่ง "ยิ่งลักษณ์" ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้าน
ด่วน!! ศาลปกครองสูงสุด สั่ง "ยิ่งลักษณ์" ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้าน จากเดิม 3.5 หมื่นล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 พ.ค. 68 ณ ห้องพิจารณาคดี 12 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง กรณีสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นจำนวนเงินกว่า 35,000 ล้านบาท ผลปรากฏว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เห็นว่าการรับจำนำข้าว 4 โครงการ เป็นหนึ่งในโครงการที่คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวที่จะสามารถยกเลิกยับยั้งมติของคณะรัฐมนตรีได้ โดยนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ด้วยเหตุนี้ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จึงไม่มีส่วนรับผิดชอบเพราะถือเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นการกระทำตามการปกครอง ไม่ใช่การกระทำทางการเมือง ศาลจึงไม่อาจรับฟังคำสั่งที่ 1351/2559 ของกระทรวงการคลังได้ โดยเห็นว่าเป็นไปตามระเบียบการทุกประการ แต่เป็นการทุจริตระดับผู้ปฏิบัติ จึงมองว่าไม่ถึงขนาดเป็นการจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ที่เกิดจากการทุจริตให้แก่กระทรวงการคลัง
ขณะที่ เรื่องการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เห็นว่า เมื่อรับทราบปัญหาจากการรับจำนำข้าวเปลือก แต่นายกรัฐมนตรีละเว้นและเพิกเฉย ไม่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ ป้องกันปัญหา ทั้งที่ ย่อมเล็งเห็นได้ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว แต่ปล่อยให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน ระบายข้าวไม่ทัน จนข้าวเสื่อมคุณภาพ โดยไม่คำนึงถึงรายงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งมีพฤติการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้เจ้าหน้าที่และเอกชนที่เกี่ยวข้องมีโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ในโครงการรับจำนำข้าว และส่งผลต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ รวมถึงงบประมาณแผ่นดิน ศาลจึงให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อกระทรวงการคลัง ในโครงการจีทีจี เนื่องจากขายข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งมีค่าเสียหายจำนวน 20,057,723,761.66 บาท โดยให้รับผิดชอบในอัตราร้อยละ 50 ของการระบายข้าว หรือ คิดเป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท ตามคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. เฉพาะส่วนที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทดแทน
นอกจากนี้ ศาลยังให้เพิกถอนคำสั่งประกาศและการดำเนินการใดๆ ของกรมบังคับคดี อธิบดีฯ และเจ้าพนักงาน ในการยึดอายัดทรัพย์สินของ นางสาวยิ่งลักษณ์ เพื่อขายทอดตลอด และให้ปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังดำเนินการสั่งเกี่ยวกับการขอกันส่วนทรัพย์สิน ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร อดีตสามี จำนวน 37 ราย ที่ถูกยึดเพื่อนำมาขายทอดตลาดตามสิทธิ์ พร้อมทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อกันส่วนของนายอนุสรณ์ในฐานะเจ้าของร่วม เพื่อแจ้งต่อเจ้าตัว ภายใน 60 นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง
Advertisement
