"ณฐพร" ยื่นยุบ ภูมิใจไทย เอี่ยวฮั้วสว.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แฉมีชื่อเจ๊ใหญ่จ่ายเงินหัว2-7ล้านให้ได้ตำแหน่ง ปูดพลเอกส.-นาย ส.มีอำนาจสั่งองค์กรอิสระ
วันที่ 21 พ.ค. ที่กกต. นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องด้วยคดีนี้มีพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ กกต.ว่ามีการกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน การได้มาซึ่งวุฒิสภาไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย เป็นการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยมิชอบและเป็นปฏิปักษ์
ยกตัวอย่างระบบการเลือก สว.ที่มีการออกแบบให้ได้คนดี คนเด่น คนดัง คนที่มีองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ยอมรับของสังคม จึงกำหนดไม่ให้ประชาชนเลือก และให้การเลือกมีความซับซ้อน เนื่องจากวุฒิสภามีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ หากได้คนมาจากพรรคการเมือง องค์กรอิสระก็ได้คนที่ไม่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับการพิจารณาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่ชอบ ศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจในการพิจารณา ทั้งนี้หากคนของศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.และ กกต.เป็นของพรรคการเมือง ก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ซึ่งถือเป็นการทำลายล้าง ทำให้เกิดความเสื่อมเสียหายต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายณฐพร ย้ำว่าพยานหลักฐานเป็นพยานหลักฐานทางราชการ การได้มาซึ่ง สว.มีการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2562 มาตรา 76 ระบุชัดเจนว่า กรณีที่พรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมือง นักการเมืองไม่ว่าตำแหน่งใดก็ตาม กระทำการเพื่อให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมจะถือว่ามีความผิด
แต่ละประเด็นที่ตนเองมาร้องในวันนี้ กกต.มีสำนวนในมืออยู่แล้ว เป็นคนชี้ความผิดว่า สว.138 คนและ สว.สำรองอีก 40 คนเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย มีเส้นทางการเงิน มีการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงครบทุกอย่าง จึงมั่นใจว่า ตามสำนวนการสอบสวนแล้วไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนการที่ไม่รอให้ กกต.หรือ DSI สอบให้สิ้นกระแสความ จะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่ นายณฐพร กล่าวว่าอย่าลืม สส.ชุดนี้มีความสำคัญที่จะให้ความเห็นชอบกับองค์กรอิสระ สว.เข้ามารับตำแหน่งประมาณ 1 ปี ให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระที่ไม่เป็นกลางทางการเมือง เช่น กรณีของผู้ตรวจการแผ่นดิน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้รับความเห็นชอบ
สว.ชุดนี้ยึดอำนาจหน้าที่ทั้งประธาน รองประธานคณะกรรมาธิการ 20 คณะ จาก 21 คณะ ทั้งที่คณะกรรมาธิการทมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานในด้านต่าง ๆ กลายเป็นว่าเสียขาไป อย่างไรก็ตามตนเองยื่นร้องจริยธรรมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรค ไว้เกือบ 1 ปีแล้ว แต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า ดังนั้น สว.ชุดนี้ควรสำนึกตนเอง ไม่ควรเห็นชอบองค์กรอิสระ หากศาลตัดสินว่าไม่ผิดก็จะเป็นความใสสะอาด ความสง่างาม และเกียรติยศของตนเอง
นายณฐพร ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะฟ้องร้องตนเองด้วยว่า ท่านเป็นคนของประชาชนเป็นรองนายกรัฐมนตรีรับอาสามาทำหน้าที่บริหารประเทศ ท่านควรจะต้องรับฟังความคิดเห็นและข้อกล่าวหาของประชาชน ไม่ใช่มาตรวจสอบแล้วท่านก็จะฟ้อง การฟ้องร้องควรจะรอให้คดียุติก่อน อะไรที่เท็จหรือไม่จริงก็ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ว่าตรวจสอบแล้วอะไร ๆ ก็จะฟ้อง ถือเป็นนักเลงหัวไม้มากกว่า
ที่นายอนุทินบอกว่าไร้สาระ ตัวท่านเองก็ไร้สาระ ท่านเองควรจะคำนึงถึงบทบาทของตนเองว่าทำหน้าที่รับใช้ประชาชน เป็นรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ให้ประชาชนตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบไม่ได้ จะอย่างไรก็ได้หรือ เช่นกรณีที่ดินเขากระโดง ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร หากไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
ตนเองมีรายชื่อทั้งหมดว่าใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ใครเป็นเจ๊ใหญ่ มีหัวหน้าระดับจังหวัด หากต้องการ สว.เพิ่มจากจังหวัดละ 2 คน ต้องมีการจ่ายหัวละ 2-7 ล้านบาท ส่วนนี้ปรากฏอยู่ในสำนวนสอบสวนของ DSI และ กกต.แล้ว รวมถึงเส้นทางการเงินด้วย
สิ่งที่ตนเองห่วงที่สุดคือ กลัวอยู่ 2 คนที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไป คนหนึ่งคือ พลเอก ส.และนาย ส.มีอำนาจสั่งองค์กรอิสระทุกองค์กร ตนจะแถลงข่าวอีกครั้งว่ามนุษย์ 2 ตนเป็นใคร ทำอะไร ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติ ปราศจากนักการเมืองและนักลงทุนชั่ว ๆ ฝากถึง 2 ส.อย่าทำให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้ เนื่องจากกระทบกระเทือนถึงสถาบัน
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นนิติสงครามทางการเมืองระหว่างสีแดงหรือสีน้ำเงินหรือไม่ นายณฐพร ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่สนิทกับนายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน และนายทักษิณ ชินวัตร ตนเองเป็นคนฟ้องนายทักษิณ เรื่องการขออภัยโทษด้วยซ้ำ พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่ใช่สีใดทั้งสิ้น เป็นสีของประชาชน
หลังจากการยื่นเอกสารเสร็จสิ้น นายณฐพร ยืนยันว่าบุคคลตัวย่อ ส.ไม่ใช่นักการเมือง เป็นนักธุรกิจ ส่วนชื่ออีกคนเป็นบิ๊กเนมสีฟ้า
Advertisement