"ภูมิธรรม" ชี้มี 2 ทางเลือก ซื้อเรือดำน้ำ "ไปต่อหรือยกเลิก"
"ภูมิธรรม" ชี้มี 2 ทางเลือก ซื้อเรือดำน้ำ "ไปต่อหรือยกเลิก" คาดสิ้นเดือน พ.ค.-ต้น มิ.ย. เคาะตัดสินใจ ขออย่าดรามาทำเสียกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วันที่ 20 พ.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการจัดซื้อ เรือดำน้ำหรือไม่นั้นว่า คงตัดสินใจในเร็วๆ นี้ และภายในสิ้นเดือนนี้ หรือต้นเดือน มิ.ย. ตนได้ตัดสินใจแล้ว เพราะได้หาข้อมูล และได้หาพยายามที่จะหาทางออกในเรื่องนี้ให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากการสอบถามประเทศเยอรมัน โดยการทำจดหมายไป 2 ฉบับ โดยฉบับแรกผบ.ทร.ของไทยได้สอบถาม ผบ.ทร.ของเยอรมัน และได้รับรายงานว่าเขาได้ตอบกลับมาว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนโยบาย ที่จริงไม่ขัดข้อง แต่ต้องเป็นเรื่องที่พิจารณาแบบนั้น คิดว่าน่าจะทำได้ยาก เพราะมีเรื่องขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้เข้ามาเกี่ยวข้อง
ตนได้มีโอกาสพบกับรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน และตนได้ทำหนังสือถามว่าประเทศไทยไม่ได้มีปัญหากับนาโต้ แต่นาโต้ปฏิเสธกองทัพจีน ซึ่งมีการสอบถามว่าสามารถขายเครื่องยนต์ให้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ถ้าเขายอมได้เราก็สามารถหาคนติดตั้งได้ โดยรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมันยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับประเทศไทยมีอย่างยาวนาน เขายินดีหากให้ได้แต่ติดอยู่ 2 กรอบ คือ การเป็นสมาชิกนาโต้ และการเป็นสมาชิกสภายุโรป ทำให้ไม่สามารถส่งให้เราได้
นอกจากนั้นได้คุยกับทางทูตจีน ไปถึงกรมการเมืองของจีนที่มีอำนาจตัดสินใจ โดยระบุว่าเป็นเรื่องของเอกชนจีน ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ และพยายามเจรจากับหลายส่วน และระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะยอมเรื่องนี้ และพยายามจะหาทางออกเรื่องประเด็นชดเชยต่างๆ และถือว่าเขาไม่ได้ผิดเงื่อนไขอะไร โดยพยายามจะหาเครื่องยนต์ที่มี คุณสมบัติใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ตนได้พบกับทูตปากีสถาน ทราบว่าเขามีเรือดำน้ำแบบที่เราสั่งประมาณ 8 ลำ และได้สอบถามว่าใช้งานหรือยัง เพื่อจะตรวจสอบคุณภาพว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะเสียงสะท้อนว่าถ้าเอาเรือของจีนมาจะมีปัญหา ไม่ได้เครื่องยนต์อย่างที่ตกลงกัน ไฟฟ้าดับ และยังทราบว่าได้ทดลองนำเรือไป 1 ลำ พบว่าไม่มีปัญหาอะไร
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 ทางเลือก คือ ประการแรกไม่ไปต่อ หรือยกเลิก แต่ประเด็นคือเราจ่ายเงินไป 7-8 พันล้านบาท ก็จะไม่เหลือ และอีกทางคือรับไว้ ภายใต้เงื่อนไขที่ไว้ใจได้ คือเรื่องของความปลอดภัย โดยจะต้องจัดการเรื่องสัญญาให้ชัดเจน ตนจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้กับประชาชนรับทราบ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องรับรู้ ถ้าไม่ไปต่อก็เสียเงินไป 8 พันล้านบาท แต่ถ้าไปต่อก็ไม่มีปัญหาอะไรโดยจะได้เครื่องยนต์ที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน สามารถใช้งานได้ ส่วนที่มีการสอบถามกฤษฎีกาไปก่อนหน้านี้ว่าหากเปลี่ยนข้อสัญญาไม่มีปัญหา เพราะต้องไปถามกฤษฎีกาว่ามี 2 ทางเลือกตามที่ตนกล่าวมา แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลเก่าที่อยู่มาก่อน ไม่ใช่เรื่องที่เราทำขึ้นมา แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องตัดสินใจ และตนต้องเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้ายก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี
“สิ่งที่ตนกังวลได้ทำทุกขั้นตอนแล้ว และมีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว สิ่งที่อธิบายไปทั้งหมดคือคำตอบ และมีแนวโน้มแล้วว่าจะให้ไปทางไหน โดยต้องหาเหตุผลมาชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบ เรื่องนี้ตนไม่ได้เซ็นสัญญา แต่เป็นคนเข้ามาแก้ไข หากจะทำอย่างที่หลายคนเคยทำมา คือปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้บริหาร เมื่อเป็นปัญหาคาราคาซัง ผูกพันไปถึงการจัดงบประมาณของกองทัพ สมควรต้องตัดสินใจได้แล้ว และโครงการเรือดำน้ำจะได้ข้อสรุปในยุคของตนอย่างแน่นอน และต้องสามารถตรวจสอบได้ พร้อมย้ำว่าต้องคิดให้ดีเพราะเป็นเรื่องใหญ่กระทบกระหลายอย่าง และที่สำคัญประชาชนต้องเข้าใจ เพราะไม่อยากให้เกิดดรามา จากทุกส่วน ที่ผ่านมาพยามทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะดรามาเยอะ เช่น มีดรามาว่าจะให้กับกัมพูชา คนที่กำลังเจรจาไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะมีปัญหา ซึ่งเขาเคารพการตัดสินใจของเรา อย่าไปดรามา ที่มีผลเสียหายกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และควรตั้งใจทำงานแก้ปัญหา ขอให้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจี เป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ หากจะยกเลิกจะมีผลต่อความสัมพันธ์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่ต้องคิดคือเรื่องเงินที่จ่ายไปแล้ว มีการตั้งกองเรือดำน้ำ คัดเลือกบุคลากรไปศึกษาต่อเพื่อเรียนรู้ระบบ รวมถึงก่อสร้างอู่เรือดำน้ำ ถ้าตัดสินใจไม่เอาจะเสียสิ่งเหล่านี้ไปด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คิดมากถ้าเอาต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่ จะรักษาประโยชน์ประเทศมากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวตัดสินใจ ซึ่งทางจีนอยากได้คำตอบมานานแล้ว ทั้งจีนและบริษัทและกองทัพเรือ เสนอเงื่อนไขให้ต้องตัดสินใจ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และคุยกับทางการจีนเขาไม่ต้องการแทรกแซงประเทศไทย แต่ย้ำว่าขอให้รักษาเงื่อนไขให้เป็นไปตามข้อสัญญา
Advertisement
