สำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้ออกแถลงการณ์ว่า ในการประชุม ก.ต. ครั้งที่ 13/2568 วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ชั้น 3 อาคารศาลยุติธรรม ถนนราชดำเนินใน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตุลาการ 1 ราย
2. พิจารมาผลการรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของข้ารารตุลาการ 1 ราย
3. เห็นชอบให้ทบทวนมติ ก.ต. ครั้งที่ 21/2567 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 พิจารณาความเหมาะสมผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เลื่อนจากข้าราชการตุลาการชั้น 3 เป็นชั้น 4 ในวาระโยกย้าย 1 ตุลาคม 2567) จำนวน 1 ราย และปฏิเสธบัญชีวาระพิเศษ
4. เห็นชอบรายงานผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมเพื่อพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติของผู้เข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ
5. พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ 1 ราย กรณีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมไม่สุภาพ ไม่สำรวมกิริยามารยาท และเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีของข้าราชการตุลาการอื่น อันเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของราชการ และจริยธรรรมของข้าราชการตุลาการ กรณีเป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นควรให้ออกจากราชการ
6. พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ 1 ราย กรณีเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทำคำพิพากษาโดยกล่าวถึงบุคคลภายนอกที่ไม่ไม่ไช่คู่ความ และไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยว่ามิได้กระทำความผิด โดยไม่ปรึกษาและแจ้งให้องค์คณะและผู้บริหารทราบ เป็นเหตุให้มีการนำคำคำพิพากษาส่วนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นควรให้ออกจากราชการ
7. พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ 1 ราย กรณีมีพฤติการณ์เป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย ร่วมรู้เห็นเรื่องการขอแลกเปลี่ยนเวร และร่วมขบวนการเกี่ยวกับการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวขัดต่อกฎหมายอันเป็นดุลพินิจที่ไม่ชอบ และไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เห็นควรไล่ออกจากราชการ และมีมติเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อไป
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์ถึงกรณีนี้ว่า "จากกรณีที่ คณะกรรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) มีมติให้ผู้พิพากษาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเพิกถอนหมายจับ สว. ทรงเอ ผมคิดว่า การทำหน้าที่ กต. ถูกต้องดีแล้ว เรื่องนี้ต้องชื่นชมการทำงานของ กต. จริงๆ
ถ้าใครจำกันได้ เรื่อง สว. ทรงเอ ที่ผมเคยอภิปรายเปิดโปงในสภาตั้งแต่ปี 2566 รวมถึงนำเอกสารเพิกถอนหมายจับที่อดีตรองอธิบดี นามว่า อรรถการ ฟูเจริญ เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่งผลให้ สว.ทรงเอ ถูกถอนหมายจับในเวลาห่างจากการออกหมายจับไม่กี่ชั่วโมง คงจะมีการวิ่งเต้นกันน่าดู จึงกล้าถอนหมายจับ และเรียกตำรวจที่ทำคดีนี้ไปตำหนิโดยไม่ให้เกียรติใดๆ
เรื่องนี้นอกจากผมได้เคยทำหนังสือร้องไปยัง กต. แล้ว ผมยังเคยร้องเรื่องนี้ไปยัง ปปช. ด้วย ก็คงจะต้องติดตาม ปปช. กันต่อไปว่าเรื่องภายใน กต. มาถึงขนาดนี้แล้วทาง ปปช. จะว่าอย่างไรต่อ
อนึ่ง ต้องฝากเรื่องนี้ไปถึงบิ๊กต่าย ผบ.ตร. ว่าคดี สว. ทรงเอ ผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการถอนหมายจับถูกให้ออกจากราชการแล้ว เมื่อไหร่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการย้าย หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ของหน่วยตำรวจที่ทำหน้าที่จัดการ สว. ทรงเอ จะถูกดำเนินการอะไรบ้าง หรือไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกันเลยหรือ นอกจากนี้บิ๊กต่ายไม่คิดว่าเรื่อง สว.ทรงเอ ควรค่าต้องการตั้งทีมในการขยายผลต่อเพื่อจัดการบรรดาคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดตามเส้นเงินเครือข่าย สว.ทรงเอบ้างหรือครับ"
Advertisement