วันที่ 17 พ.ค. 68 ที่จ.จันทบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เยี่ยมชมบริษัทรับซื้อ รวมถึงขั้นตอนการส่งออกทั้งทุเรียนและมังคุด ส่งไปยังตลาดต่างประเทศ ณ ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี
โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังแลกเปลี่ยนปัญหากับเกษตรกรในพื้นที่ว่า จ.จันทบุรีใช้กลไกสหกรณ์ ทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผลผลิตในแต่ละปีสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากภาคตะวันออกไม่มีปัญหาเรื่องผลไม้ ภาคใต้ก็จะไม่มีปัญหา ภาคตะวันออกจึงเป็นตัวชี้วัดว่า ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้จะมีปัญหาน้อยลงหรือไม่ หากจะบอกว่าภาพรวมทั้งหมดดี คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนทราบดีว่ามีปัญหา ซึ่งต้องนำเสนอในข้อเท็จจริง ถ้าเราได้รับงบประมาณบ้าง โดยทางสหกรณ์ ขอสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 25 ล้านบาท เพื่อดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด ทั้งในอ.เมืองและใน อ.มะขาม ซึ่งจะเป็นการช่วยภาครัฐในการแก้ไขปัญหา
โดยเกษตรกรฝากนายกรัฐมนตรี สะท้อนปัญหาตู้ทุเรียนติดบริเวณด่าน ตอนนี้ทุเรียนภาคตะวันออกจันทบุรี ระยอง และตราด ออกประมาณ 50% แล้ว คาดว่าวันที่ 10 มิ.ย. จันทบุรี ระยอง ตราด 50% และตามมาด้วยศรีสะเกษ ชุมพร อุตรดิตถ์ สมทบกับจันทบุรี เป็น 100% พร้อมกับสะท้อนถึงปัญหาว่า ตอนนี้แค่จันทบุรี 50% ตู้ก็ติดอยู่ที่ด่าน ภาครัฐอยากให้เราใช้ทุเรียนคุณภาพ เราพยายามรณรงค์ให้เป็นคุณภาพเตรียมส่งออก ชุบน้ำยาก็ไม่ได้ ปัญหาเกิด ตู้ติดอยู่ 10-15 วันเกินกว่าที่จะสามารถบริโภคได้ จึงฝากนายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาส่งผลกระทบถึงเกษตรกร จากราคาหน้าสวนจาก 125 -130 แต่วันต่อมาราคาก็ตกลง
นอกจากนี้เกษตรกรยังอยากให้รัฐบาลเข้มงวดเรื่องการใช้สารบีวายทู เนื่องจากที่ผ่านมาทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความเข้มงวดในการตรวจสารก่อนการส่งออกลดลง
ด้าน นายกรัฐมนตรี จะระบุว่า ดีใจที่ได้มาลงพื้นที่เอง และได้มาคุยกับทุกท่านอย่างเปิดใจ และได้รับฟังปัญหาจริงๆ พร้อมขอบคุณภาคีเครือข่าย ที่ช่วยในการระบายสินค้าผลไม้ต่างๆ และอยากจะช่วยระบายสินค้าก่อนที่เดือนมิถุนายน ซึ่งมงคุดจะกลายเป็นแก้ว โดยจะต้องคุยกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะมีมาตรการอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องตู้ติดด่าน นายกรัฐมนตรี สอบถามว่าตอนนี้ระบายแล้วใช่หรือไม่ หรือบางส่วนยังไม่ระบาย ซึ่งจำนวนวันที่ติดเริ่มสั้นลงทุกทีและเร็วขึ้น จึงต้องขอบคุณเกษตรกรที่ควบคุมคุณภาพ เพราะหากเรายิ่งทำคุณภาพดีก็จะไม่ต้องตรวจเยอะ เราจะได้คุยกับเขาขอความร่วมมือได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จนไม่ต้องตรวจ และอีกหน่อยจะมีเส้นทางคมนาคมมากมาย เพื่อที่จะส่งออกไปยังจีนได้อย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่อยู่ในแผ่นอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการส่งเสริมเสาวรส ซึ่งจากการพูดคุยกับรัฐมนตรียืนยันว่า ทำได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ตนค่อนข้างให้ความสำคัญคือการ วิจัยพืชผลที่ต้องพัฒนา ขออย่าเป็นห่วง
ยืนยันว่า วันนี้ที่มาอยากจะดูกระบวนการทั้งหมดอย่างเต็มระบบ ตั้งแต่การแพคจนถึงการส่งออกว่ามีกระบวนการอย่างไร และติดกระบวนการตรงไหน ก็พร้อมที่จะคุยกันแต่ละกระทรวง ก็จะรับความคิดเห็นในวันนี้ไปปรับส่วนเรื่องสหกรณ์ตนอยากให้ไหลลื่นทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่แต่สิ่งที่ขาดคืองบประมาณยังมาไม่ถึงหรืออย่างไร
นายกฯ เน้นย้ำว่า ตนอยากฟังปัญหาจากทางเกษตรกรจริงๆ ว่าเจออะไรที่ติดขัดบ้าง เมื่อสักครู่ไปเจอชาวสวนทำรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก เวลาส่งออกสินค้าคุณภาพดี ก็เป็นชื่อเสียงของประเทศตรงไหนที่สามารถดูแลหรือปรับปรุงได้ตนจะรับไปดูเอง และจะดูว่าสิ่งใดที่สามารถทำได้ก่อนหรือหลังและเชื่อว่าจะเห็นถึงความแตกต่าง
Advertisement