อิทธิพร เผยหลังกกต. มีมติยื่นฟ้อง"สว.หมอเกศ" ใช้เวลาไม่เกิน60วันทำสำนวนส่งศาลฎีกา ฐานหลอกลวงให้เชื่อในคุณสมบัติของตัวเอง แจงคดีฮั้วสว. คืบหน้าเรื่อยๆ
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงมติ เสียงข้างมากของที่ประชุม กกต. ให้ส่งศาล ฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้งและ สิทธิกาคเลือกตั้ง และให้ดำเนินคดีอาญา ต่อแพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้ถูกร้อง ด้วยสาเหตุว่า เชื่อว่ามีการกระทำเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเลือก สว.มาตรา 77(4) คือการหลอกลวงหรือการจูงใจ ให้ผู้อื่นเชื่อว่าเชื่อในคุณสมบัติความรู้ความเชี่ยวชาญชื่อเสียงเกียรติยศ
ส่วนกระบวนการส่งนั้นจะมีกระบวนการดำเนินการหลังจากนี้ ซึ่งหลังจากที่มีมติในวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการทำคำวินิจฉัย ซึ่งมีทั้งหมด 6 ประเด็นอาจต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งกำหนดกรอบการทำคำวินิจฉัย 60 วัน เชื่อว่าไม่น่าจะเกินนี้ โดยชี้แจงเหตุผลการทำคำวินิจฉัยเพื่อใช้ประกอบการยื่นคำร้องต่อศาล เมื่อยื่นไปแล้วศาลจะใช้เวลาพิจารณาตามกระบวนการของศาล
นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เริ่มจำลองเหตุการณ์เพื่อประกอบสำนวนคดีฮั้วเลือก สว. ว่าตามกระบวนการการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ซึ่งต่างก็มีคณะทำงานสืบสวนของแต่ละหน่วยงาน โดยคณะทำงานสอบสวนใน กกต.ก็มีโครงสร้างที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมด้วย พร้อมชี้ว่าการบูรณาการงานร่วมกันจะเป็นประโยชน์
ซึ่งในการสอบสวนของ กกต. จะมุ่งเน้นในประเด็นที่ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. หรือไม่ ส่วนการสอบของดีเอสไอ เป็นการสอบสวนว่ามีการกระทำผิดกฎหมายอื่นที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต. หรือไม่
โดยการดำเนินการสอบสวนของ กกต. มีความคืบหน้าเรื่อยๆ ที่คณะเจ้าหน้าที่สืบสวนไต่สวนจะมีกรอบเวลาดำเนินการ และเหตุที่ต้องใช้เวลาเป็นเพราะว่า 1. ต้องสอบพยานจำนวนมาก การที่มองว่าสมคบกันร่วมมือกันเป็นกลุ่ม ในการสอบนั้นจะต้องสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนเพราะเรื่องนี้เป็นการดำเนินคดีความยุติธรรมที่มีโทษทางอาญา จะด่วนสรุปโดยปราศจากพยานหลักฐานที่ชัดเจนไม่ได้
ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บ้างแต่ก็มีความคืบหน้าไปตามลำดับ และไม่สามารถแทรกแซงได้
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากท้ายที่สุดในการดำเนินคดีอาจทำให้การเลือก สว. เป็นโมฆะ นายอิทธิพร กล่าวว่า พยายามจัดกระบวนการเลือกอย่างเต็มที่ตามกฏหมาย และถกในที่ประชุมเยอะมาก และต้องตัดสินใจดำเนินการ และวิธีการนั้นเป็นวิธีการที่ กกต. เห็นว่าเป็นไปตามกฏหมายแล้วหากหลังจากนั้น หากมีจุดใดที่ขั้นตอนกลไกอื่นเห็นว่าไม่ถูกต้องก็เป็นเรื่องของกระบวนการนั้น
Advertisement