ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์กันอย่างชุ่มฉ่ำทั่วทั้งประเทศ ด้วยการสาดน้ำใส่กันเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ในปีใหม่ไทย แต่อีกฟากหนึ่งของโลก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ก็ทำให้เรื่องของ “น้ำ” กลายเป็นหัวข้อที่หลายคนพูดถึง
ลงนามยกเลิกข้อจำกัด “ฝักบัวน้ำเบา”
เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเรียกร้องให้ยุติข้อจำกัดเรื่องแรงดันน้ำของหัวฝักบัวที่มีมาตั้งแต่ปี 1992 โดยยกเลิกการจำกัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านหัวฝักบัวต้องไหลไม่เกิน 2.5 แกลลอนต่อนาที (ประมาณ 9.5 ลิตร) ตามมาตรการประหยัดพลังงานและทรัพยากรน้ำ
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้บอกต่อสาธารณะหลายครั้งว่า “แรงดันน้ำในฝักบัวของอเมริกาเบาเกินไป” จนทำให้การอาบน้ำ โดยเฉพาะการสระผมของเขากลายเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด เนื่องจากในยุคของรัฐบาลโอบามาและไบเดนพยายามควบคุมการใช้น้ำเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
พร้อมกันนั้นเขายังกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันเดียวกันว่า “ผมชอบอาบน้ำเพื่อดูแลผมสวยๆ ของผม แต่ผมต้องยืนอาบน้ำนาน 15 นาทีจนกว่าจะเปียก เพราะน้ำจากฝักบัวไหลออกมาเป็นหยดๆ มันไร้สาระมาก” ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยและบอกด้วยว่า “มันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้การอาบน้ำของชาวอเมริกันยอดเยี่ยมอีกครั้ง”
ปลดล็อกฝักบัว ปลดปล่อยเสรีภาพ
โดยข้อจำกัดแรงดันน้ำนั้น เขาโทษว่าเป็นเพราะกฎระเบียบด้านการประหยัดน้ำของรัฐบาลกลางที่พยายามลดการใช้น้ำและพลังงานในครัวเรือน โดยกำหนดให้ฝักบัวปล่อยน้ำได้ไม่เกิน 2.5 แกลลอนต่อนาที หรือประมาณ 9.5 ลิตร และในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งครั้งแรก เขาเคยพยายามยกเลิกข้อบังคับนี้ ทำให้ทำเนียบขาวในยุคทรัมป์วิจารณ์ว่า “เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตคนธรรมดาแย่ลง”
ขณะที่หนึ่งสิ่งที่ทรัมป์พูดมาตลอด โดยเขาได้สัญญาว่าจะ “ยกเลิกกฎระเบียบหยุมหยิม” เรื่องฝักบัวก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะข้อกำหนดพวกนี้ไม่ได้มีแค่ในห้องน้ำ แต่รวมไปถึง เครื่องทำน้ำอุ่น, เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, เตาแก๊ส และอีกหลายอย่างที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในบ้านอย่าง “ฝักบัว” แต่เมื่ออยู่ในมือของโดนัลด์ ทรัมป์ มันกลายเป็นประเด็นระดับประเทศได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขามองว่ากฎพวกนี้มันเยอะเกินไปจนทำให้คนใช้ชีวิตไม่สะดวก เลยอยาก “ปลดล็อก” ให้คนอเมริกันได้ใช้น้ำแรง ๆ ล้างจานสบาย ๆ เปิดเตาแรง ๆ ได้แบบไม่ต้องกังวล
Advertisement