แขวนนวมโบกมืออำลาวงการวงการมวยไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ อองตวน ปินโต ล่าสุดมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนอดีตว่าจริงๆ แล้วการที่เขาเข้ามาในวงการมวยก็เพราะมวยคือสิ่งที่ดึงตัวเองให้หลุดจากปมที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด พร้อมยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่ามีเจ้าชู้บ้าง เพราะช่วงนี้ยังโสดเลยเปิดโอกาสให้กับตัวเอง และเคลียร์เสียงดังฟังชัดถึงความสัมพันธ์กับดีเจต้นหอม
ถาม เป็นแฟนกับดีเจต้นหอมจริงหรือเปล่า
อองตวน : ไม่ใช่ครับ เป็นพี่น้องในวงการที่รู้จักกัน แม่อ้วนก็พูดไป เดี๋ยวคนเข้าใจผิดกันหมด สนิทกันเท่านั้นครับ
ถาม หลายคนสงสัยว่าเราเป็นฝรั่งแท้ขนาดนี้ ต่อยมวยตั้งแต่อายุเท่าไหร่ มวยไทยด้วยนะ
อองตวน : ครอบครัวของผมย้ายมาอยู่ไทยตอนอายุ 12 แล้วเริ่มต่อยมวยอายุ 13 ครับ คุณพ่อคุณแม่เป็นฝรั่งเศสแท้ๆ เลยครับ ทำไมถึงมาชอบมวยไทย เพราะว่าเอาจริงๆ ตอนเด็กคือไม่รู้จัก แต่ด้วยความที่เราเด็กมาก แล้วเราอยากมีเพื่อน ตอนที่เราย้ายมาเราก็อยู่กับแค่น้องชายสองคน เราก็ไม่รู้จักใคร แล้วอีกอย่างภาษาไทยเราก็ยังพูดไม่ได้ พอดีใกล้ๆ บ้านเราจะมีค่ายมวย แล้วก็มีเด็กๆมาซ้อมวิ่งมาซ้อม เราก็เลยตามเขาเข้าไปในค่ายมวย เราอยากมีเพื่อน
ถาม แล้วเข้าไปชกนานไหมถึงรักมวยไทย
อองตวน : ผมว่ามันค่อยๆ พัฒนานะครับ เราทำทุกวันแล้วมันเป็นความสุขที่เราได้อยู่ในค่ายมวย มันไม่ใช่แค่ที่ออกกำลังกาย แต่ค่ายมวยคือครอบครัว เราอยู่ที่นั่นจะมีครูคอยแนะนำ มีคนคอยสอน มีเพื่อนพี่ รุ่นพี่ มีเด็กๆ เรารู้สึกว่าเราได้อีกครอบครัวหนึ่งเลย
ถาม ตอนนั้นเราได้รับความรู้สึกแบ่งแยกไหม
อองตวน : มีอยู่แล้วครับ เด็กๆ เวลาที่เขาพูดกัน ไม่ได้แรง แต่มันตรงไปตรงมา เวลาแกล้งกัน จะพูด จะแซวกัน ก็จะพูดออกมาเลยบางทีก็อาจจะกระทบความรู้สึก ด้วยความที่เราเป็นต่างชาติ เราอยู่ต่างจังหวัดด้วย ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แล้วเราก็เป็นฝรั่งคนเดียวในโรงเรียน ถูกชี้หน้าตลอดเวลา เราก็เหมือนเป็นตัวประหลาด เขาไม่ได้แซวอะไรมากมาย แต่ชี้หน้าเราแล้วบอกว่าฝรั่งๆ เหมือนเราเดินไปแล้วมีคนชี้ตลอดเวลา มันรู้สึกว่าเหมือนเป็นปมว่าเราหน้าตาไม่เหมือนชาวบ้าน เราเหมือนตัวประหลาด ตอนนั้นความรู้สึกของเราเราก็อยากเหมือนคนอื่นๆ ไม่อยากโดนเปรียบเทียบ การที่เราอยู่โรงเรียนหรือที่ไหน เราจะมีความรู้สึกว่าเราไม่เหมือนคนอื่น แต่เมื่อไหร่ที่เราได้ใส่นวม เราจะรู้สึกว่าเราเป็นนักกีฬาเราเท่ากับทุกคน เราก็จะคุยภาษามวย ไม่ได้สนใจว่าเป็นใคร มาจากไหน หน้าตาเป็นยังไง มันเลยเหมือนว่าการต่อยมวยเป็นเชฟโซนของเรา เราอยู่ตรงนั้น เรายังได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราเก่งเหมือนคนอื่นได้
ถาม เห็นบอกว่าปีแรกที่เข้าไปชกมวย เราเป็นได้แค่ตัวสำรอง ไม่ใช่ตัวจริง
อองตวน : เราเริ่มชกจากงานวัด นักมวยต่างจังหวัดก็จะเริ่มชกจากงานเล็กๆ ตามงานวัด เราก็จะเอาฟันยาง เอากางเกงมวยไปทุกงานเลย เพราะถ้ามีใครที่ถอนตัวหรือว่าไม่มา เราก็จะเสียบแทน
ถาม แล้วนานแค่ไหนเราถึงได้มีชื่อโด่งดังขึ้นมา
อองตวน : อย่าใช้คำว่าดังเลยครับ เรียกว่าเรามีผลงานมาเรื่อยๆ ในช่วงปีแรกค่อนข้างเร็ว เกือบๆ ยี่สิบครั้ง แล้วก็ผู้ช่วยของโปรโมเตอร์ของลุมพินี เขามาเห็น เขาเลยชวนให้มาชกที่ลุมพินี นั่นก็คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของผม แต่ตอนที่เข้ามาแรกๆ เราก็ยังไม่ได้ถือว่าเราประสบความสำเร็จอะไรขนาดนั้น เพราะเราก็มองเห็นเพื่อนในค่ายที่เขาเก่งกว่าเรา แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้ไป แต่ทำไมเราถึงได้ไป (เราก็ยังมีคำถามกับตัวเอง) หรือเพราะว่าเราเป็นตัวประหลาดหรือเปล่า เราก็ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับ เพราะเพื่อนๆ ในค่ายก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นฝรั่งไปเป็นโชว์ให้เขา ไฟลท์แรกที่ผมขึ้นชกที่ลุมพินี ผมชนะน็อกครับ จากนั้นมาเราก็ทำผลงานมาเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าเรายังต้องพิสูจน์อยู่ แต่เราก็ไม่เคยท้อกับทุกคำสบประมาทนะครับ เพราะว่าเราโตมากับการไม่มีทางสู้ เราเกิดมาแบบนี้ สิ่งที่เราสู้ได้คือสิ่งที่เราทำอยู่ กีฬาคือสิ่งที่เราเอาชนะได้ เราก็เลยรู้สึกว่ากีฬาคือโอกาส ไม่งั้นเราก็ไม่มีโอกาสชนะ
ถาม แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้อองตวนเป็นนักมวยเงินล้าน คือการที่เราไปต่อยมวยที่ต่างประเทศ
อองตวน : ใช่ครับ เราก็ชกที่ลุมพินีมาเรื่อยๆ แล้วก็ชกตามเวทีมวยในประเทศ ตอนนั้นเราก็ได้อยู่ Top 10 ในกรุงเทพฯ เราก็รู้สึกว่าเราไปถึงจุดที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะไปได้ แต่พอเรามองย้อนกลับไปแล้ว รู้สึกว่าคนที่มองเราทั้งหมดหรือคนในวงการที่เราคบอยู่ ไม่มีใครที่รักเราจริงๆ เลย มีแต่เขามาดู เราชนะก็ดีไป ถ้าแพ้ก็โดนด่า เราเลยรู้สึกว่าเราอยากได้อะไรมากกว่านี้ เพราะเราเห็นนักกีฬาต่างประเทศ ทำไมเขาถึงมีแฟนคลับ มีคนที่รัก เราก็รู้สึกว่าทำไมเราไม่มีฟีลแบบนี้เลย เราเลยคิดว่าเราต้องไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เลยจะไปชกที่ต่างประเทศ การที่ไปชกที่ต่างประเทศก็มีทั้งแพ้ทั้งชนะ แต่ด้วยที่ประสบการณ์ของเราที่ไทย ทำให้เราได้เปรียบ เพราะเชิงมวยของเราดีกว่า แล้วคนที่เขามาดูเราก็คือให้กำลังใจเรา เขาเป็นแฟนคลับเรา มันเลยทำให้เรารู้สึกดี เพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกนี้เลย ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนมองเราอีกแบบหนึ่ง อย่างบางคนมองว่าเราดังเพราะหน้าตา แต่เรารู้สึกว่าดังเพราะเราเก่ง เพราะผมรู้สึกว่าเราไม่เก่ง เราก็ดังไม่ได้ ผมก็รู้สึกว่าเราโดนกดมา เขากดเราโดยไม่รู้จริงๆ เราต้องทำอะไรบ้าง เราซ้อมยังไง เราซ้อมหนักกว่าคนอื่นเลย เราเลยรู้สึกว่าจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ แต่เรารู้ตัวเองว่าเราทำอะไร ก็เลยไม่หยุดที่คนเขากดเรา แต่มันมีผลกระทบในความรู้สึกของเราไหม รู้สึกอยู่แล้วครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้ชกแล้วครับ เรียกว่าเลิกชกมวยไปแล้วเลยก็ได้ครับ
ถาม แล้วความเจ้าชู้เลิกไหม
อองตวน : ถ้าเมื่อก่อนจะตอบว่าไม่ แต่ถ้าตอนนี้ก็ต้องบอกว่าก็ต้องมีบ้างครับ แต่ผมไม่เคยมีแฟนพร้อมกันนะครับ แต่พออายุเราเริ่มโตแล้วสเปกเราก็เริ่มไม่มี ถามว่าตอนนี้โสดไหม โสดครับ แต่ก็มีคุยๆ
ถาม ตอนนี้เลิกชกมวยแล้ว เรียกได้ว่าตอนนี้เข้ามาอยู่ในวงการแบบเต็มตัวแล้วใช่ไหม
อองตวน : ใช่ครับ แล้วตอนนี้เราก็ทำรายการยูทูบบ้าง ตอนนี้เปิดมา 6-7 เดือนแล้วครับ ก็มีคนเข้ามาติดตาม เราก็ดีใจครับ
Advertisement