"เปิ้ล-จูน" ถึงเวลาจบ ปกป้องแผ่นดิน ! เมินดรามาลูกดาราโชว์เปิดซีเกมส์
"เปิ้ล นาคร-จูน กษมา" ถึงเวลาจบ ! ปกป้องแผ่นดิน พร้อมลุยช่วยชายแดน - เมินดรามา ลูกดารา โชว์เปิดซีเกมส์ ภูมิใจ "น้องออก้า" แค่ 14 ทำเพื่อชาติสำเร็จ
เรียกว่าเป็นครอบครัวที่ช่วยเหลือสังคมมาโดนตลอด สำหรับ "เปิ้ล นาคร" และ "จูน กษมา" โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนแบบนี้ยิ่งไม่พลาดที่จะช่วยเหลือ ล่าสุด เผยว่า จะร่วมระดมทุนจากรายได้การขาย "หม้อแม่จูน" ทุกหม้อ เพื่อเป็นงบประมาณในการส่งเสบียงอาหารถึงเหล่าทหารกล้า และผู้อพยพ และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจสูงสุด หลังจากลูกชาย "น้องออก้า" วัย 14 ปี ดีกรีแชมป์โลกเยาวชนกีฬาเจ็ตสกี มีโอกาสร่วมโชว์เจ็ตสกีในพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพผ่านมา ต่อหน้าพระพักตร์ของทั้ง 2 พระองค์ถือเป็นเกียรติแก่ครอบครัวมาก ส่วนใครที่ดราม่าไม่ปล่อยผ่านเชื่อลูกชายอยู่ตรงนี้ได้ด้วยศักยภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ทางทีมข่าว APOP Today มีโอกาสสัมภาษณ์ทั้งคู่ "เปิ้ล นาคร" และ "จูน กษมา" เผยถึงการช่วยเหลือพี่น้องชายแดนว่า "วันที่ 12 ธันวาคม ตนจะลงพื้นที่ชายแดนต่อ โดยเราจะเริ่มขายหม้อแม่จูน เพื่อนำรายได้ส่วนนึงไปช่วยเหลือชายแดน ไม่ว่าจะไปขายที่ไหน เมื่อไหร่ เราจะเอารายได้ของทุกหม้อแม่จูนไปช่วยอาสา ทหาร และ ชาวบ้านอพยพทุกจังหวัดเราอยากช่วยเหลือตรงมากทหารเราต้องได้กินดีกว่าใคร ยิ่งตอนนี้สถานการณ์ชายแดนยังน่าเป็นห่วงในเรื่องของอาหารการกิน ยังขาดอะไรที่เราช่วยเหลือเราจะทำ เพราะหน้าที่ตนคิดว่า เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันปกป้องพื้นแผ่นดินของเรา"
"เปิ้ล นาคร" เล่าต่ออีกว่า "สถานการณ์ชายแดนตอนนี้ ตนเองไม่รู้อะไรมากไม่ใช่คนวงในแต่รู้แค่ว่าครั้งนี้หนักมาก ดังนั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนแล้วที่ต้องออกมาช่วยให้กำลังใจกันแค่กำลังครอบครัวของตนมันน้อยนิด แต่ถ้าเป็นกำลังใจของคนไทยทุกคนมันจะมากพอ ถ้าใครมาซื้อหม้อแม่จูนก็จะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยทหารชายแดนช่วยชาวบ้านอพยพ หลังจากนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงรู้แค่ว่า เราขึ้นเวทีแล้ว เราต้องต่อยฝั่งตรงข้ามให้คว่ำ เราจะมากลัวไม่ได้ไม่งั้นเราโดนเขาต่อย ไม่ได้ยุให้ทะเลาะกัน แต่พูดตามความจริงว่าทุกอย่างมันต้องจบแล้ว ส่วนเรื่องการเจรจาก็เป็นส่วนเจรจาไปหน้างานก็ลุยไปครับหน้าที่ใครหน้าที่มันครับ"
"อยากจะบอกพี่น้องทหารทุกคน ตอนนี้คนไทยทุกคนเป็นห่วงทหารทุกคนมาก อยากให้กำลังใจครอบครัวทหารทุกคน เชื่อครอบครัวพวกเขาคงนอนไม่หลับ เอาเป็นว่าพวกเราคนไทยพร้อมซัพพอร์ทครอบครัวของทุกคน นอนให้หลับเถอะครับ ลูกของพวกคุณเป็นคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี"
จูน กษมา เผยว่า "สถานการณ์ชายแดนตอนนี้ไม่ช่วยเหลือไม่ได้เลย ครั้งนี้ยิ่งสำคัญ ตนยิ่งต้องช่วย เพราะบ้านของตนเองก็อยู่ตราดเหมือนกัน ตอนนี้หนักมากที่บ้านก็อพยพกันแล้ว บ้านตนให้ความร่วมมือกันหมดทุกคน เพื่อเป็นการร่วมมือให้กับทหารได้เข้าไปทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้ทุกคนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหมดแล้วค่ะ สุดท้ายแล้วตนขอเป็นกำลังใจทุกคนและตนเชื่อว่า คนไทยทุกคนก็ร่วมให้กำลังใจเช่นเดียวกัน ด้านตนก็ขอส่งกำลังใจในด้านที่ถนัดในเรื่องของอาหารวางแพลนไว้ให้หมดแล้วว่าจะช่วยเหลืออย่างไรค่ะ"
ส่วนเรื่องลูกชาย น้องออก้า ได้โชว์เจ็ตสกีในงานเปิดกีฬาซีเกม 2025 "เปิ้ล นาคร" เผยว่า "บอกตามตรงๆ อึดอัดมากแต่เป็นความอึดอัดในความท้าทาย เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มีเวลาเพียงแค่ 3 อาทิตย์ ตั้งแต่โดนติดต่อมา แต่ตนสู้เต็มที่ลูกก็เต็มที่เพื่อชาติ โชคดีเขาซ้อมตลอดอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายจากการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่ มีข้อจำกัดหลายอย่าง น้ำตื้นมาก ขนาดสระแคบ โจทย์ยากมากครับ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ทีมงานของไทยเป็นประเทศแรกที่ทำได้ นักกีฬาทุกคนทำได้ เพราะทุกคนที่เขาเลือกมาถูกคัดมาหมดแล้วมีดีกรีระดับโลก และตนภูมิใจในตัวลูกชายมากในวัยเพียง 14 ปี เขาทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและครอบครัว ที่มากไปกว่านั้นคือได้แสดงต่อหน้าพระพากต์ของทั้ง 2 พระองค์มันคือที่สุดแล้วในชีวิตที่จะทำได้ครับ"
ขณะที่ "จูน กษมา" เผยว่า "ยอมรับว่า อุปสรรคมีอยู่ค่ะมีการเปลี่ยนเจ็ตสกีในตอนเช้า วันที่โชว์เป็นคนละลำกับวันที่ซ้อม แต่ก็ภูมิใจมากตรงที่ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกชายวัย 14 ปี ได้ทีโอกาสแสดงต่อหน้าพระพักตร์ของทั้ง 2 องค์ท่าน และใกล้มาก" ส่วนความรู้สึกของลูกชายนั้น "เอาจริงๆตั้งแต่ตอนกลับมา เขาก็หลับเพราะว่า เขาเหนื่อยล้า เขาซ้อมอย่างหนัก โชว์เต็มที่ เด็กแค่อายุ 14 ปีเอง" แม้ว่าจะมีคำชม แต่ก็ไม่วายมีดรามา "สำหรับตนคือปล่อยผ่านเลย ทุกอย่างมันมีทั้งด้านดีด้านลบอยู่แล้ว เราไม่อยากมองอะไรในแง่ลบเลย"
"เปิ้ล นาคร" เสริมเช่นกันว่า "เรื่องดราม่าคุณภรรยาปล่อยผ่าน แต่ตนไม่ปล่อยผ่าน รู้สึกเห็นใจคนที่ดราม่ามากกว่า เพราะสื่อมันอยู่ในมือพวกเขา เขาคงอยากแตกต่างจากคนอื่น เขาคงภูมิใจที่ได้มีความเห็นแตกต่างจากคนอื่นตนเคยไปตอบคอมเม้นต์พวกนี้อยู่เขาดีใจด้วยที่ตนไปตอบ และที่มาบอกว่าเป็นลูกดาราถึงได้มีโอกาส อยากจะบอกว่าเค้าคัดเลือกมาแล้วแล้วอยากจะจะให้ดูโปรไฟล์รูปของตน ก่อนจะวิจารณ์ พวกเขาเลือกมาแล้วจะบอกว่าถ้าลูกเราฝีมือไม่ถึงเค้าคงไม่ให้ไปอยู่จุดนั้นหรอก ส่วนคนที่ชื่นชมยังไงก็ต้องขอบคุณที่รักและคอยเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเราตลอดครับ"
Advertisement
