Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดชีวิต “วี วิโอเลต"  นักร้องสาวเสน่ห์ล้น สู่เหยื่อดรามาซีเกมส์ 2025

เปิดชีวิต “วี วิโอเลต" นักร้องสาวเสน่ห์ล้น สู่เหยื่อดรามาซีเกมส์ 2025

10 ธ.ค. 68
16:37 น.
แชร์

วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องราวชีวิตของ "วี วิโอเลต วอเทียร์" จากความสำเร็จบนเวทีโลก สู่การเป็น "เหยื่อ" ของความผิดพลาดในพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 ที่ถูกตราหน้าว่า "ชุ่ย" ที่สุดในประวัติศาสตร์

วี วิโอเลต วอเทียร์ ศิลปินสาวลูกครึ่งไทย-เบลเยียม เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว มีน้องชาย 1 คนคือ กานต์ วอเทียร์ ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักในฐานะหนุ่มหล่อคลีโอ ด้วยพื้นเพที่หลากหลาย ทำให้วีมีความสามารถในการสื่อสารได้ถึงสามภาษา คือ ไทย อังกฤษ และฝรั่งเศส

วีสำเร็จการศึกษาชั้นอนุบาลและประถมจากโรงเรียนมาเรียลัย ต่อด้วยระดับมัธยมจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า โดยมีช่วงหนึ่งที่เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ณ ประเทศแคนาดา ก่อนจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อของวี วิโอเลต เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือการเข้าร่วมประกวดร้องเพลงในรายการ เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ซีซั่นที่ 2 ในปี พ.ศ. 2556 แม้จะไปได้ถึงแค่รอบน็อคเอาท์ แต่คลิปร้องเพลง "Leaving on a jet plane" ในรอบ Blind Audition ของเธอก็สร้างสถิติเป็นคลิปที่มียอดวิวสูงสุดของซีซั่นนั้น ถือเป็นใบเบิกทางที่สำคัญในวงการบันเทิง

หลังจากนั้น เธอได้ก้าวเข้าสู่วงการแสดง โดยเริ่มต้นจากบทบาทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่อง ฝากไว้..ในกายเธอ (2557) และสร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ในปี 2558 กับภาพยนตร์เรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ในบทบาท "เจ๋" ที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากถึง 4 สถาบันใหญ่ ได้แก่ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์, รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย, คมชัดลึก อวอร์ด และรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง

ควบคู่ไปกับงานแสดง วีไม่เคยทิ้งความรักในเสียงเพลง เธอมีผลงานเพลงประกอบละครและภาพยนตร์มากมาย รวมถึงการร่วมแต่งเพลง "Walk you home" จากภาพยนตร์ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ และการร้องเพลงประกอบโฆษณาไอศกรีมกับโจอี้ บอย ในช่วงปี พ.ศ. 2561

วีเริ่มบุกตลาดสากลด้วยการปล่อยซิงเกิลภาษาอังกฤษอย่าง "Drive" และ "Smoke" ซึ่งเพลงหลังสร้างปรากฏการณ์ติดอันดับ 1 บน Apple Music Chart ถึง 8 ประเทศในเอเชีย

ต่อมาเธอได้ปล่อยอัลบั้มสากลชุดแรก "Glitter and Smoke" ในปี 2563 และอัลบั้มภาษาไทย "Your Girl" ในปี 2565 รวมถึงการคว้ารางวัล ศิลปินหญิงแห่งปี Best Female Of The Year จากเวที The Guitar Mag Awards 2024 มาครองได้สำเร็จ ตอกย้ำถึงความสามารถและมาตรฐานในฐานะศิลปินมืออาชีพที่แทบไม่เคยต้องลิปซิงค์เลยตลอดชีวิตการทำงาน

แต่แล้วในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนานต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อวี วิโอเลต ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในศิลปินที่ร่วมแสดงในพิธีเปิดการแข่งขัน SEA GAMES 2025 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน

แต่การแสดงเพลง "1%" ที่เธอร้องร่วมกับโต้ง Twopee และ กอล์ฟ F. Hero กลับกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเสียงร้องที่ผู้ชมทางไลฟ์สดได้ยันนั้นว่า "เพี้ยน" และ "ไม่ซิงค์" กับเสียงดนตรีอย่างมาก ทำให้เกิดกระแสตำหนิและความผิดหวังต่อตัวศิลปินขึ้นทันที

หลังเกิดเหตุการณ์ วี วิโอเลต ได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง เธอเปิดเผยว่า ทางผู้จัดงานได้แจ้งมาแต่แรกให้ศิลปินทุกคน "ลิปซิงค์ 100%" ด้วยเหตุผลด้านเทคนิค และเธอก็ยอมรับและทำตามบรีฟนั้น แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือ ในระหว่างการแสดงจริงนั้น มีการเปิดไมค์ร้องสดของเธอออกไลฟ์ ทั้งที่ในหูฟัง Ear Monitor ของเธอไม่มีเสียงร้องสดของตัวเองเลย ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงที่ตนเองร้องและไม่สามารถควบคุมเสียงให้ตรงกับดนตรีได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เสียงร้องออกมาเพี้ยนและไม่ตรงจังหวะดังที่ปรากฏสู่สาธารณะ

ขณะที่ กอล์ฟ F. Hero ก็ได้ออกมายืนยันในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และวิชาชีพของทั้งวีและโต้ง Twopee อย่างรุนแรง ขณะที่ เก้า จิรายุ แฟนหนุ่มของวี ก็ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการจัดการอย่างสุดจะบรรยายในฐานะคนใกล้ชิด

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความผิดพลาดของศิลปิน แต่ลุกลามไปถึงความล้มเหลวในการจัดการพิธีเปิดโดยรวม ซึ่งผู้ชมทั้งในสนามและทางบ้าน รวมถึงชาวเน็ต ต่างมองว่า "ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่สมศักดิ์ศรี" ของงานระดับซีเกมส์ พิธีเปิดงานระดับนานาชาติที่ใช้งบประมาณสูงถึง 142 ล้านบาท

แม้เสียงวิจารณ์ทางหน้าจอจะรุนแรง แต่จากมุมมองของผู้ที่อยู่ในสนามราชมังคลาฯ จริงๆ กลับพบว่า การแสดงหลายชุดนั้น น่าตื่นเต้น และสามารถเรียกเสียงปรบมือเสียงเฮได้ตลอด โดยเฉพาะเรื่อง แสงสี จอภาพ และไฟเลเซอร์ รวมถึงการครีเอทีฟเรื่องคาดไม่ถึงในเวลาที่จำกัด เช่น การนำสระน้ำมาใส่ในเวที และเพิ่มการแสดงทางน้ำเข้ามา ซึ่งสร้างความตะลึงให้กับผู้ชมในสนามเป็นอย่างมากเมื่อนักระบำใต้น้ำกระโดดลงไปว่ายจริง ๆ แม้การถ่ายทอดสดจะใช้คลิปบันทึกการแสดงมาเปิดคู่กันก็ตาม นอกจากนี้ การตัดสินใจถอดที่นั่งโซน E ออกทั้งหมดเพื่อใช้เป็นจอแสดงแสงสีขนาดใหญ่ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้ภาพรวมออกมาสวยงามอลังการ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่ทุกคนยอมรับตรงกันคือ "การขาดเวลาที่มากพอ" ในการเตรียมงาน ซึ่งมีรายงานว่าทีมงานมีเวลาทำงานเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น

ชาวเน็ตหลายคนลงความเห็นว่า ด้วยเวลาอันน้อยนิดนี้เอง ทำให้ต้องมีการใช้เทคนิคแสงสีเข้ามาทดแทนโชว์ที่เน้นจำนวนคนแสดงเยอะตามแบบฉบับมหกรรมกีฬาใหญ่ ๆ ที่คุ้นเคย เพราะไม่สามารถทำได้ทัน ทำให้ภาพรวมของงานดู "แห้ง ๆ ขาดซีนน่าจดจำ" และความเป็นมหกรรมกีฬาดูขาดหายไป

ทั้งยังมีความผิดพลาดที่สะเทือนความน่าเชื่อถือระดับสากล คือการที่โดรนแปรอักษรแสดงตัวเลขจำนวนเหรียญผิด จากที่พิธีกรพูด 574 เหรียญ แต่โดรนกลับเขียน 547 เหรียญ และที่ร้ายแรงที่สุดคือ VTR ขึ้นธงชาติผิดประเทศ โดยขึ้นชื่ออินโดนีเซีย แต่ปรากฏเป็นธงชาติสิงคโปร์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นความเสียหายระดับนานาชาติที่ให้อภัยไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อตำหนิมากมายเกี่ยวกับการจัดการโชว์และโปรดักชันที่เกิดขึ้นในสนามจริงและเห็นได้ชัดเจน เช่น ไฟของการแสดงที่เป็นกล่อง ติด ๆ ดับ ๆ จนทีมงานต้องแอบวิ่งไปซ่อมกลางสนาม รวมถึงการที่สนามมีการปิดไฟแบบมืดมิดชนิดที่ผู้ชมบนอัฒจันทร์มองหน้ากันไม่เห็น เพื่อให้แสงสีบนจออลังการ แต่กลับทำให้แสงไม่พอสำหรับการถ่ายทอดสด

โชว์ระบำใต้น้ำที่ถึงแม้จะเป็นเทปบันทึกภาพแล้วยังเต้นไม่พร้อมกัน ผมเผ้าหลุดรุ่ย ตลอดจนการจัดการพิธีการที่ยาวนานและเกิด Dead Air จนชาวต่างชาติในสนามเกิดความงุนงง

ยังรวมไปถึงขบวนพาเหรดที่มุมกล้องถ่ายทอดสดเห็นนักกีฬาตัวเท่ามด และสต๊าฟวิ่งตัดกล้องวุ่นวาย

และจุดที่สร้างความผิดหวังให้กับผู้ชมที่สุดหนีไม่พ้นการจุดคบเพลิง ซึ่งถูกปล่อยให้ลุ้นกันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายกลับจบด้วยการจุดด้วย "เลเซอร์" ที่ถูกวิจารณ์ว่า "อ่อมมาก" แถมไฟในกระถางยังแทบไม่ปรากฏให้เห็น ทำให้ขาดซีนสำคัญที่ต้องไฟลุกท่วมอย่างที่เคยเป็นมา

ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถามถึงการทำงานของฝ่ายออร์แกไนซ์ ซึ่งถูกคาดเดาว่าเป็นผลจากการ "เปลี่ยนรัฐบาล แล้วรื้อของเดิมออกหมด" ทำให้มีเวลาเตรียมงานเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ออแกไนซ์ผู้จัดงาน ได้ออกมายอมรับว่างานนี้ "ไม่ 100%" และให้คะแนนตัวเองเพียง 80% แต่ให้คะแนนทีมงานที่ทุ่มเทในเงื่อนไขข้อจำกัดมากมายถึง 300% เขาระบุว่าทีมงานตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และทำอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อประเทศชาติในเวลาที่จำกัด

อย่างไรก็ตาม ความเห็นจากสาธารณะถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นใจคนทำงานที่ต้องแบกภารกิจระดับชาติในเวลาอันสั้น แต่อีกฝ่ายโต้แย้งว่าด้วยงบประมาณ 142 ล้านบาท หากตัดสินใจรับงานแล้ว ก็ควรบริหารจัดการความเสี่ยงและคุณภาพให้สมกับงบประมาณที่ได้รับ ไม่ว่าเวลาเตรียมงานจะสั้นเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย อย่างการขึ้นธงชาติผิด และการทำลายภาพลักษณ์ของศิลปินระดับประเทศ

สารพัดปัญหาทั้งหมดทั้งมวลนี้ในงานพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 ครั้งนี้ จึงเป็นงานที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้ง มีทั้งไอเดียที่สร้างสรรค์และน่าปรบมือให้ แต่ก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดที่ขาด ๆ เกิน ๆ ในทุกมิติ ทำให้งานนี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทุกคนยังคงเฝ้ารอคำชี้แจงจาก นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักต่อไป

Advertisement

แชร์
เปิดชีวิต “วี วิโอเลต"  นักร้องสาวเสน่ห์ล้น สู่เหยื่อดรามาซีเกมส์ 2025