
วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องราวของเด็กหญิงที่เคยถูกบูลลี่ สู่ตำนานนางงามนักสู้ที่ใช้ยาวนานเกือบทศวรรษ เพื่อยืนหยัดบนเวทีใหญ่ถึง 4 ครั้ง การพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิตรัก แต่งงาน หย่าร้าง ก่อนจะได้ครองตำแหน่งสาวงามระดับจักรวาล
“วีนา ปวีนา ซิงห์” ปัจจุบันอายุ 29 ปี เธอเป็นสาวไทยเชื้อสายอินเดีย 100% โดยครอบครัวฝ่ายบิดาได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาหลายรุ่นแล้ว ส่วนคุณแม่เป็นชาวอินเดียโดยกำเนิด ตัวเธอเองเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่และไปเติบโตที่จังหวัดยะลา เธอได้รับสัญชาติไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย และถือสัญชาติไทยโดยกำเนิด
เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาวิชาภาษารัสเซีย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสามารถฟัง พูด อ่านเขียนอย่างคล่องแคล่วทั้งในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษารัสเซีย
วีนาเล่าว่า ชีวิตในวัยเด็กเธอต้องเผชิญกับการ "บูลลี่" จากความแตกต่างทางเชื้อชาติและรูปลักษณ์ภายนอก เช่น การถูกล้อเลียนเรื่องริมฝีปากที่หนากว่าคนอื่น
แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นทำลายเธอ แต่เลือกที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นแรงผลักดัน เธอเรียนรู้ที่จะยืนหยัดและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยเชื่อมาเสมอว่า ความงามที่แท้จริงไม่ได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มาจากจิตวิญญาณ ความสามารถ และความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคม
ความฝันในการประกวดนางงามของวีนาเริ่มต้นในปี 2015 เมื่อเธอเห็นรุ่นพี่จากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่าง "แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" ที่ดำรงตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จบนเวทีโลกและคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในปีนั้น
ทำให้วีนาตัดสินใจว่าหากเธอจะประกวด จะต้องเป็นเวที "มิสยูนิเวิร์ส" เท่านั้น เพราะมองว่าเป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของผู้หญิง ความสามารถ และความฉลาด ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการในใจเธอมากที่สุด
วีนาสร้างตำนานการต่อสู้บนเวที Miss Universe Thailand ถึง 4 ครั้ง ตลอด 8 ปี ซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวังอันหนักอึ้งจากแฟนนางงาม และคำสบประมาทที่เธอต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้
เส้นทางสู่บัลลังก์มิสยูนิเวิร์สของวีนาเริ่มต้นขึ้นในปี 2018 ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ครั้งแรก แม้ว่าเธอจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แต่สุดท้ายเธอก็คว้าได้เพียงตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 2 โดยมี นิ้ง-โศภิดา จิระไตรธาร เป็นผู้ครองมงกุฎ การพลาดมงกุฎในครั้งนั้น ทำให้เธอเริ่มถูกจับตามองในฐานะ "ตัวเต็งที่พลาดมง" และเป็นแรงกดดันให้เธอต้องกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
สองปีต่อมา ในปี 2020 วีนาได้กลับมาพร้อมความมุ่งมั่นที่แรงกล้ากว่าเดิม การกลับมาครั้งนี้สร้างความฮือฮาและความคาดหวังจากแฟนนางงามทั่วประเทศ แต่โชคชะตาดูเหมือนจะยังไม่เข้าข้างเธอ เมื่อเธอทำได้ดีที่สุดเพียงขยับขึ้นมาคว้าตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1 โดยมี อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม เป็นผู้ชนะ การพลาดมงกุฎไปอย่างเฉียดฉิวถึงสองครั้ง ทำให้เธอถูกเรียกในเชิงเปรียบเทียบจากแฟนคลับด้วยความรักว่าเป็น "นางรองตลอดกาล"
หลังจบการประกวดในปี 2020 วีนาตัดสินใจ "แขวนส้นสูง" เพื่อเลือกความรักและเข้าประตูวิวาห์กับ เจริญ หาญเจริญ สิงห์ทักวาล สามีหนุ่มนักธุรกิจชาวอินเดียระดับร้อยล้าน โดยเธอกล่าวว่า เธอเชื่อว่า หากถึงเวลาที่เหมาะสม มิสยูนิเวิร์สจะมาหาเธอเอง
และไม่กี่เดือนหลังการแต่งงาน สิ่งที่เธอกล่าวก็เป็นจริง เมื่อกองประกวดมิสยูนิเวิร์สประกาศ เปลี่ยนกฎครั้งใหญ่ อนุญาตให้ผู้หญิงที่แต่งงาน มีบุตรแล้ว และทรานส์เจนเดอร์ สามารถเข้าร่วมประกวดได้ ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วีนาตัดสินใจกลับมาสู่เส้นทางนางงามอีกครั้ง
การกลับมาครั้งที่สามในปี 2023 ในฐานะตัวแทน MUT แม้กระแสเชียร์จะรุนแรงเพียงใด แต่เธอก็คว้าได้เพียง รองชนะเลิศอันดับ 2 โดยมี แอนโทเนีย โพซิ้ว เป็นผู้ชนะ
อย่างไรก็ตาม ชีวิตคู่ของวีนาได้จบลงอย่างน่าใจหายก่อนการกลับมาครั้งสุดท้าย โดยเธอได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตา ยอมรับว่าได้ หย่าขาดจากอดีตสามีแล้ว พร้อมกลับไปใช้นามสกุลเดิม
โดยวีนายืนยันว่า การแยกทางครั้งนี้ไม่มีปัญหามือที่สาม แต่เป็นเรื่องความไม่เข้าใจและเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในครอบครัว แม้ว่าอดีตสามีจะพยายามยื้อขอคืนดี แต่เธอก็ขอจบความสัมพันธ์ไว้เพียงแค่นั้น พร้อมย้ำชัดว่าการกลับมาประกวดครั้งนี้ไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นเพราะ "การประกวดอยู่ในใจวีนาอยู่แล้ว"
และเป็นการใช้แพชชั่นที่รัก เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง โดยกล่าวว่า "เราอย่าอายที่จะเดินออกมาจากตรงนั้น กำแพงของสังคมที่บอกว่าผู้หญิงที่หย่าแล้วไม่มีคุณค่า วีนาว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง"
การกลับมาครั้งที่ 4 ในปี 2025 วีนาก็สามารถคว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand 2025 มาครองได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ปิดตำนานนางรองที่ยาวนานตลอด 8 ปีของเธอ
หลังจากคว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand 2025 ได้สำเร็จ วีนาก็ได้เป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวดบนเวที Miss Universe 2025 ครั้งที่ 74 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เธอทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถเข้าถึงรอบ 5 คนสุดท้าย
แม้สุดท้ายจะต้องพ่ายให้กับ “ฟาติมา บอสช์” นางงามจากเม็กซิโก และคว้าตำแหน่ง รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2025 มาครอง แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดคือสุนทรพจน์อันทรงพลังที่เธอได้ทิ้งไว้บนเวทีโลก
เมื่อถูกถามถึงปัญหาระดับโลกที่เธอจะเลือกพูด วีนาตอบอย่างหนักแน่นว่าเธอจะเลือกเรื่อง "ความเท่าเทียมของผู้หญิง" โดยเน้นย้ำว่า “เราทุกคนสมควรได้รับความเคารพ ความเมตตา และความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะในที่ทำงานหรือที่บ้าน เราต้องได้รับเกียรติอย่างเสมอภาค ขอสนับสนุนให้ทุกคนกล้าที่จะพูดเพื่อตัวเอง และเปล่งเสียงออกมา เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้หญิงทุกคน”
เมื่อถูกถามถึงการสร้างพลังให้กับเด็กผู้หญิง ในรอบ Final Question วีนาเลือกตอบอย่างวีมั่นใจเพื่อส่งต่อพลังอันแรงกล้าว่า “ฉันเชื่อว่าทุกคนสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณล้มลงอย่างไร แต่อยู่ที่ว่าคุณลุกขึ้นยืนอีกครั้งได้อย่างไร ฉันขอสนับสนุนให้ทุกคนเป็นชีโร่ (SHERO) ของตัวเอง จงจุดประกายแสงสว่างในตัวคุณ และส่งต่อแสงสว่างนั้นให้กับผู้อื่นค่ะ”
“วีนา ปวีนา ซิงห์” ได้สร้างตำนานด้วยการต่อสู้ถึง 4 ครั้ง การก้าวข้ามทุกความกดดัน เปลี่ยนความเจ็บปวดส่วนตัวให้กลายเป็นแรงผลักดัน
หลังจากผ่านเส้นทาง 8 ปีที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ การพ่ายแพ้ และการประกาศศักดิ์ศรีของตนเองบนเวทีจักรวาลแล้ว ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า 'วีนา ปวีนา ซิงห์' ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความไม่ยอมแพ้ จะใช้ความมุ่งมั่นและเสียงที่ทรงพลังนี้ ก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางใดในสังคมไทยและสังคมโลก
Advertisement