เพียง 17 ปี เปลี่ยนชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์ จากเด็กสาวบ้านๆ โตในไร่อ้อย ชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ สู่ราชินีลูกทุ่งขวัญใจคนไทยตลอดกาล
"ตัวหนูเองเกิดจากครอบครัวที่ยากจน ก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไรนะเราจะมีโอกาสช่วยครอบครัวได้ เคยฝันว่าอยากจะมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ อยากจะมีบ้านมีรถ มีห้องแต่งตัว มีรองเท้าส้นสูงสีแดงใส่ อยากจะมีอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง แล้วก็เคยมีความคิดว่าถ้าถึงวันนั้นครอบครัวเราคงจะมีความสุข แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าวันเวลาผ่านไปเพียงแค่ 17-18 ปี เท่านั้นเอง ก็เป็นไปได้เหมือนกัน"
บทสัมภาษณ์เปิดชีวิตและความฝันของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในรายการจันทร์กะพริบ เมื่อปี 2534 เด็กสาวที่เติบโตมาในไร่อ้อย ผู้ชื่นชอบการร้องเพลง สู่ราชินีลูกทุ่งขวัญใจคนไทยตลอดกาล
ตอนเด็กๆ ครอบครัวของผึ้งเป็นชาวไร่รับจ้าง มีพี่น้องหลายคน ส่วนตัวผึ้งเองเป็นคนกลาง คนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 12 คน แล้วผึ้งเองก็ต้องเลี้ยงน้อง ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ตอนเย็นหลังจากหุงข้าวป้อนข้าวน้องแล้ว ก็จะออกไปร้องเพลงหมู่บ้าน ก็ได้เงินมา 1 บาท 2 บาท แล้วแต่ วันนึงได้เกือบ 10 บาทก็ถือเป็นรายได้ของครอบครัว ที่พอจะช่วยซื้อกับข้าวซื้อไข่มาเจียวให้น้องกินได้
พุ่มพวง เริ่มร้องเพลงและเข้าประกวดตามงานต่างๆ ตั้งแต่อายุ 8 ปี โดยใช้ชื่อ น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย
ผู้ใหญ่บ้านเปลี่ยนชีวิต ได้ขึ้นร้องเพลงร่วมวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณ
เดินสายร้องเพลงตามหมู่บ้าน จนเป็นที่รู้จักทั่วทุกซอกทุกมุม วันหนึ่งราวกับฟ้าประทานพร เมื่อวงดนตรีของนักร้องชั้นครู ไวพจน์ เพชรสุพรรณ มาเปิดแสดงในงานประจำปีที่ จ.สุพรรณบุรี ผู้ใหญ่บ้านได้เขียนจดหมายเล็กๆ ขอฝากเด็กคนนี้ขึ้นร้องเพลง
ผู้ใหญ่บ้านก็เขียนจดหมายเล็กๆ ขึ้นไปว่าขอฝากเด็กคนนี้ขึ้นร้องเพลงหน่อย เพราะย่านนั้น พอบอกไอ้ผึ้งนี้ทุกคนรู้จักหมด ก็เลยได้ขึ้นไปร้องเพลง เพราะอย่างน้อยวงของพ่อพจน์เขาก็ต้องเกรงใจผู้ใหญ่บ้านบ้าง ก็เป็นเด็กเส้นเหมือนกัน ก็ยังไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่สำหรับเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบ ก็ถือว่าใช้ได้แล้วสำหรับยุคนั้น ได้รางวัลมา 80 บาท ลงมาคือยืดเลย ภูมิใจกำเงินจนมือเปียก เอาล่ะพรุ่งนี้ที่บ้านต้องได้ทานไข่หลายใบเลย เพราะตอนนั้นทุกอย่างแพงมาก ไข่ใบละประมาณสลึงกว่าๆ (25 สตางค์)
สมัครเป็นนักร้อง แต่ได้เป็นหางเครื่อง
ตอนสมัครไปเขาก็ไม่ได้จะเอาไปเป็นนักร้อง เพราะนักร้องเขาเยอะ ก็ไปช่วยเขาเก็บชุด ซื้อน้ำให้หางเครื่องรุ่นพี่ ทำทุกอย่างเท่าที่จะช่วยเขาได้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง จนวันหนึ่งโชคดี หางเครื่องสายเล็กที่วงขาด (หางเครื่องสายเล็ก คือชุดนักเต้นหรือแดนเซอร์ที่ส่วนสูงประมาณ 150 ซม. โดยวงจะแบ่งเป็นสามช่วงคือ หางเครื่องสายใหญ่ สายกลาง และสายเล็ก)
เราเองก็เล็งมานานแล้วไม่ได้ร้องสักที ก็เลยขอครูไปเต้น เขาก็ให้ลอง ตอนนั้นใส่ชุดคอกระเช้า มัดชายเสื้อด้านข้าง นมไม่มีก็เอากระดาษมายัดให้ดูเหมือนมี เพราะตอนนั้นเรายังเด็ก บังเอิญวันนั้นพ่อพจน์แกมาแอบดูด้วย ปรากฎว่าเราเต้นถูกเต้นดี ได้เงินมา 80 บาท นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ได้เต้นตลอด
พอได้ไปเต้นอยู่เรื่อยๆ ก็มีคนทักว่าทำไมวงเอาหางเครื่องตัวกะเปี๊ยกขนาดนี้ขึ้นมาเต้น พ่อเขาก็เลยทำให้สมบรรยากาศ ไหนๆ ภาพพจน์เราดูเป็นเด็กอยู่แล้วก็เลยเอาจุกนมมาให้แขวนคอขึ้นเต้น พ่อบอกถ้าดูดจุกด้วยจะให้เพิ่มวันละ 20 บาท
ดวงเปิด แต่กรรมยังบัง
เราตั้งใจอยากจะเป็นนักร้อง แต่เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ก็เลยได้เป็นหางเครื่อง แต่วันหนึ่งดวงก็เข้าข้าง ได้เริ่มร้องเพลงบ้างสลับกันไป พ่อพจน์เห็นว่าเด็กคนนี้ท่าทางอนาคต นิสัยพอไปได้ เลยแต่งเพลงให้ร้องจนเริ่มดัง
วันหนึ่งมีหน้าม้ามาทาบทามไปเป็นหัวหน้าวงให้เงิน 300 บาท เราก็เลยออกจากวงพ่อพจน์ ไปเช่าทีมเล่นเป็นวงเล็กๆ ขนาดคน 1 รถบัสได้ แต่ความดังของเรายังไม่ถึง ไม่นานก็แยกย้ายกันไป เราก็กลับบ้าน
ได้มาอัดเสียงอีกครั้งช่วงปี พ.ศ.2522-2523 กับ อาจารย์มนต์ เมืองเหนือ เขาบอกมีทางดังแน่ แต่ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ ตอนนั้นได้ชื่อ พุ่มพวง เพชรอีสาน มา แต่เราเป็นคนสุพรรณ ถ้าแฟนเพลงอีสานมาทักทายเรา คิดว่าเราเป็นคนอีสาน แล้วเราพูดภาษาอีสานตอบกลับไม่ได้ จะไม่โดนด่าหรอ เปลี่ยนใหม่แล้วกัน อาจารย์แกก็เลยบอกว่าเอาดวงจันทร์แล้วกัน มันสูงดี ต้องชื่อนี้
พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่เกิดและดังขึ้นมาได้จริงๆ คือช่วงปี 2526 จนมาถึง 2527-2528-2529 ก็ได้เพลงดีของ อ.ลพ บุรีรัตน์ อย่าง กระแซะเข้ามาซิ ที่ทำให้โด่งดังอย่างมาก
เขยิบ เขยิบ เขยิบ เขยิบ เข้า มา ซิ
กระแซะ กระแซะ กระแซะ กระแซะ เข้ามา สิ
เขยิบ เขยิบ เขยิบ เขยิบ เข้า มา ซิ
กระแซะ กระแซะ กระแซะ กระแซะ เข้ามา สิ
หาก ว่าคุณรัก ปักดวงใจปอง แต่คุณมัวนั่งมอง ฉัน ก็ขอติ
ใกล้ เข้ามานิด ติด เข้ามาซิ ถ้าจะริ รักสาว ต้องก้าวไว
ลูก กระท้อนหนา ถ้า จะให้หวาน ค่อยค่อยทุบ รับทานหวาน ขึ้นมาได้
หาก ว่าชอบฉัน หมั่น มาเอาใจ จะไปไหน ลูกไก่ ใน กำมือ
เนื้อร้องจากเพลง กระแซะเข้ามาซิ ที่มาเปลี่ยนชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ คำบอกเล่าจากปากของเธอในรายการจันทร์กะพริบ
ก่อนจะมาอยู่กับ อ.ไพจิตร ศุภวารี ทำเทปอัลบั้ม ตั๊กแตนผูกโบว์ ในปี 2529 แต่ยังไม่ทันได้วางขายก็มาตั้งท้องก่อน หลังตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสกับ ไกรสร ลีละเมฆินทร์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ ในปี 2526
ตอนนั้นเพิ่งไปอเมริกา พอรู้ว่าตัวเองท้อง เพื่อนๆ ไม่อยากให้กลับอยากให้อยู่ที่อเมริกา เขาห่วงเราว่ากลับไปแล้วจะเป็นข่าว เพราะเป็นนักร้องคนแรกที่เปิดเผยเรื่องครอบครัว กลัวแฟนๆ จะรับไม่ได้ ถ้าคลอดที่นู่นเด็กจะได้สัญชาติอเมริกาด้วย คนจะไม่รู้ด้วยว่าเรามีลูก แต่เราก็ไม่ทำ เพราะเราถือว่าเรายืนมาได้ถึงจุดนี้เพราะทุกคนศรัทธาในความสามารถของเรา การที่แต่งงานแล้วแน่นอนสักวันหนึ่งก็ต้องมีลูก ถ้าแฟนๆ ยอมรับได้เรื่องแต่งงานมีครอบครัว การมีลูกไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
กลับมาพอมีคนรู้ ไปเดินสายต่างจังหวัด คนมาดูมากมาย ไม่ได้มาดูเราร้องเพลงนะ มาดูท้องเรา เพราะภาพอย่างนี้ไม่เคยเห็นเลย จนคลอด บริษัทที่ทำเพลงก็เริ่มมีท่าทีพอเราบอกว่าพร้อมออกทำงานแล้ว เขาก็ปฏิเสธออกมาว่า ทำใจเถอะ มีลูกมีครอบครัวแล้ว แฟนๆ อาจไม่ยอมรับเท่าไร ควรจะวางมือ เราก็น้ำตาตก บอกเขาว่าไม่ทำก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูทำเองก็ได้
วิกฤตชีวิตและการงาน ที่มาของเพลงดัง "หนูไม่รู้"
พุ่มพวงเล่าว่าหลังค่ายเริ่มมีท่าทีไม่ไปต่อ ได้โทรไปหาอาจารย์ที่แต่งเพลงประจำอย่าง อ.ลพ บุรีรัตน์ ปรึกษากันบอกว่าเขาไม่ทำแล้วนะ เขาบอกว่ามีลูกแล้ว อาจารย์ก็ตกลงให้ลองดูเพราะไม่มีใครแล้ว เขาก็ถามว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ทำออกมาจะไม่โดนฟ้องหรอ หนูก็บอกคำเดียว หนูไม่รู้ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น หนูไม่รู้ ก็เลยหลายมาเป็นที่มาของเพลง หนูไม่รู้ ออกมา ก็ทำให้รวยกันพอสมควร กลับมาดังได้อีกครั้ง
ขอโทษที โทษที โทษที ที่ไปสีคนมีคู่ควง
ขอโทษทีที่ไปชอบของหวง ถ้าไม่ท้วงเห็นจะแย่แน่เรา
หนูไม่รู้ ว่าแฟนมี เห็นหล่อดีหนูก็เลยชอบเขา
หนูไม่รู้ เพราะหูเบา เขาบอกเขาชอบหนูคนเดียว
หนูไม่รู้ ว่าแฟนมี เห็นหล่อดีหนูก็เลยชอบเขา
หนูไม่รู้ เพราะหูเบา เขาบอกเขามีหนูคนเดียว
อีกครั้งที่ผลงานเพลงได้ชุบชีวิตของพุ่มพวง ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง
พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นนักร้องลูกทุ่งที่ได้เดินสายโชว์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น จีน, อเมริกา, สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีงานเดินสายข้ามปี และยังได้รับรางวัลที่เป็นเกียรติกับชีวิตสูงสุด กับรางวัลพระราชทาน เสาอากาศทองคำพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากเพลงอกสาวเหนือสะอื้น และรางวัลขับร้องเพลงดีเด่น จากเพลง สยามเมืองยิ้ม ประพันธ์โดยครูลพ บุรีรัตน์ ในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่ง ภาค 2
พุ่ทพวง ดวงจันทร์ ออกเพลงทั้งหมด 33 อัลบั้ม โดย อัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุด คือ อื้อฮือ หล่อจัง และในปี พ.ศ.2528 ที่มีเพลงดังอย่าง กระแซะเข้ามาซิ เป็นเพลงที่ทำยอดขายได้ถึง 1.5 ล้านตลับ ซึ่งขณะนั้นราคาตลับละ 70 บาท คิดเป็นเม็ดเงินสูงถึง 105 ล้านบาท
จากเด็กสาวในไร่อ้อย วัยเพลง 8 ขวบ เดินตามความฝันเส้นทางอยากเป็นนักร้อง ผ่านเวทีน้อยใหญ่ จำเนื้อร้องได้แม่นทั้งที่ไม่รู้หนังสือ ใช้เวลาเพียง 17 ปี ในการก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องระดับประเทศ และได้รับฉายาว่าเป็น ราชินีลูกทุ่ง คนที่ 2 ต่อจาก ผ่องศรี วรนุช
แม้วันนี้พุ่มพวง ดวงจันทร์ จะจากโลกนี้ไปครบรอบ 33 ปี แต่ชื่อและผลงาน น้ำเสียงที่ยังคงตราตรึง ยังคงชัดเจนอยู่ในหัวใจคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้
Advertisement