วันที่ 1 ก.ย. 64 กรณีนายรีวี อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ นายมาเฮช ซิงห์ อายุ 52 ปี เพื่อนร่วมชาติ โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ผู้ก่อเหตุได้โทรเรียกผู้ตายให้มาหาที่หอพัก จากนั้นได้ลงมือก่อเหตุฆ่าหั่นศพ ผู้ก่อเหตุคือ นายรีวี หรือ ราวี ปะกาเซ็ง อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย
ที่เกิดเหตุทิ้งศพภายในซอยรังสิต-นครนายก 17 ลึกเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร บริเวณทางโค้งของถนน ซึ่งไม่มีบ้านเรือน สภาพโดยรอบจะเป็นพงหญ้ารกร้าง พบศพในชิ้นส่วนล่างของผู้ตาย ตั้งแต่บริเวณท่อนเองลงมา สภาพเริ่มขึ้นอืด และมีกลิ่นโชยออกมา โดยที่พบในส่วนของท่อนล่างนั้นเปลือยกาย บรรจุอยู่ภายในถุงสีแดง ห่อด้วยผ้าสีขาว
ถัดเข้ามาภายในซอย หากจากจุดแรกประมาณ 700 เมตร ห่างจากปากซอยประมาณ 1.7 กิโลเมตร บริเวณโพรงหญ้าขณะใหญ่ข้างทาง ทางเจ้าหน้าที่ได้พบกับชิ้นส่วนของศพท่อนบนอีกชิ้นหนึ่ง ถูกห่อด้วยถุงดำ 1 ชั้น ก่อนที่จะใส่ลงไปในกระสอบปุ๋ยอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่สภาพศพตอนที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและทีมแพทย์นิติเวชเข้าตรวจสอบนั้น เป็นชิ้นส่วนร่างกายท่อนบนของผู้ตายตั้งแต่หัวลงไปบริเวณเอว สภาพเริ่มเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็น สวมเสื้อเชิ้ตสีแดง
ในส่วนของศพท่อนบน บริเวณศีรษะมีร่องรอยคล้ายโดนของมีคมฟันมากกว่า 5 แผล ประจวบกับกระโหลกมีลักษณะบิดเบี้ยว คล้ายของมีคมกระเเทกเข้าบริเวณศีรษะ ใบหูของผู้ตายมีรอยมีดอีโต้เฉือนขาดทั้ง 2 ข้าง ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยนำชิ้นส่วนของร่างส่งต่อไปยังโรงพยาบาล เพื่อทำการชันสูตรศพต่อไป
เบื้องต้น สาเหตุของการตายครั้งนี้มาจากความขัดแย้งปมที่ผู้ตายได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ให้มาดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามาอาศัยอยู่เกินกำหนด หรือ "โอเวอร์สเตย์" ทางผู้ต้องหาแค้น ได้ลวงให้ผู้ตายมากินข้าวที่ห้องแล้วลงมือฆ่า ใช้ท่อนเหล็กตี ก่อนหั่นศพแยกเป็น 2 ชิ้น นำไปทิ้งในจุดดังกล่าว โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่าทำคนเดียวนั้น
คลิปกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านในพื้นที่สามแยก เลยจากจุดเกิดเหตุที่พบชิ้นส่วนศพท่อนบนประมาณ 100 เมตร ช่วงเวลาเกิดเหตุที่ทางผู้ต้องหาได้ขับมอเตอร์ไซค์ นำชิ้นส่วนของศพไปทิ้งได้ในกลางดึก รอยต่อระหว่างคืนวันที่ 29 ส.ค. 64 สู่เช้ามืดของวันที่ 30 ส.ค. 64
ภาพขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมาทางเส้นถนนด้านในซอยคลองหลวงซอย 8 มุ่งหน้าไปปากซอยรังสิต-นครนายก 17 เพื่อนำศพส่วนบนของร่างกายไปทิ้งจุดเกิดเหตุ เวลา 1.13 น. ย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าไปบ้านพักทางเว้นคลองหลวงซอย 8 ช่วงเวลาประมาณ 1.19 น. ใช้เวลาในการนำศพไปทิ้งประมาณ 6 นาที
ต่อมาในช่วงเวลา 3.20 น. ผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถมาตามเส้นทางเดิม จากบ้านพักมาเส้นทางเดิมมุ่งหน้าไปยังปากซอยรังสิต-นครนายก 17 นำชิ้นส่วนของศพท่อนล่างไปทิ้งในจุดที่ห่างจากจุดแรก ไปทางหน้าปากซอยประมาณ 700 เมตร ย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านในช่วงเวลา 3.26 น. ใช้เวลาประมาณ 6 นาที
นายซูเรีย อายุ 38 ปี เพื่อนผู้ตาย และเพื่อนคนฆ่ก่อเหตุ ชาวอินเดีย กล่าวว่า จากการพูดของนายรีวีปะ อ้างว่าคนตายเป็นคนแจ้งตำรวจ ตม. ให้มาจับเขา โดยครั้งแรกเสียเงินไป 50,000 บาท และครั้งที่สอง อีก 30,000 บาท เพิ่งประกันตัวมา
โดยเมื่อเวลาเที่ยงวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา คนฆ่าหลอกให้คนตายที่พักอยู่แถวสะพานแดงมาหาที่ห้อง บอกว่าชวนกินข้าว จากนั้นได้ใช้ไม้ทุบจนเสียชีวิต คาห้องพัก ก่อนจะใช้มีดหั่นออกเป็น 2 ส่วน แล้วนำถุงมาห่อไว้ ตกกลางคืนได้ขับรถจักรยายนต์ออกมาทิ้ง โดยขับมาทิ้งที่ละชิ้น
ด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ได้สืบทราบว่าตามวันเวลาที่ได้รับแจ้ง ผู้ตายก่อนที่จะหายตัวไป ได้มีการนัดพบกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกจับกุมตัวในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการสิ้นสุด และประกันตัวออกมา และรอผลักดันต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เบิกตัวมาเพื่อสอบถามในกรณีดังกล่าว และรับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ใช้ท่อนเหล็กตีจนผู้ตายเสียชีวิติที่ห้องพัก ซึ่งมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งปัญหาเรื่องข้อพิพาทที่ดินของทั้งคู่ในประเทศอินเดีย และความแค้นที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเจ้าเมืองจับกุมนั้น
ทีมข่าวสำรวจเส้นทางจากจุดเกิดเหตุจุดพบศพ ถนนเส้นดังกล่าว ซอยซอยรังสิต-นครนายก 17 ถนนรังสิตนครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หากขับเข้าไปทะลุซอยคลองหลวง 8 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้ ซึ่งบ้านพักของผู้ต้องหาห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร
นายไทรอน หุมเรียง อายุ 51 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียงจุดทิ้งศพ เล่าว่า ตนเองเพิ่งทราบข่าวเมื่อข่วงเช้าที่ผ่านมาเช่นกันว่ามีหารนำศพมาโยนทิ้ง ส่วนตัวเห็นความผิดปกติตั้งแต่เมื่อช่วงค่ ำคืนก่อนที่จะเจอศพ หลังมีรถเข้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 4-5 คันจอดในพื้นที่แถวจุดเกิดเหตุ ตนเองนึกว่าเป็นการตามจับพวกขายยาเสพติด เลยไม่ได้ไปดู จนเช้านี้ถึงจะทราบว่ามีการฆ่าตกรรรมแล้วนำศพมาทิ้งไว้
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ให้ทางนายไทรอนดูรูปผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวเผยว่าไม่เคยเห็นคนก่อเหตุมาใช้บริการร้านอาหาร ไม่คุ้นหน้ามาก่อน ปกติในซอยนี้เองคนอินเดียค่อนข้างเยอะ ที่ผ่านมาก็มีคนอินเดียหลายรายขับมอเตอร์ไซค์มาสอบถามว่าตนสนใจจะกู้เงิน 100 ละ 20 หรือไม่ ซึ่งตนได้ปฎิเสธหลายรายแล้ว มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนเเรกเลยคิดว่าเป็นเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยโหด แต่เพิ่งทราบว่าเป็นเรื่องขัดแย้งกันเอง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังหอพักภายในซอยคลองหลวง 8 หมู่ 1 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นห้องพักของผู้ก่อเหตุ เเละเป็นสถานที่ฆาตกรรมหั่นศพ ก่อนนำไปทิ้งตามจุดต่าง ๆ สภาพเป็นตึก 3 ชั้น ห้องผู้ก่อเหตุอยู่ชั้น 2
เจ้าของหอพัก เปิดเผยว่า ชายอินเดียคนก่อเหตุ มาเช่าอาศัยอยู่ที่นี่ได้ 8 เดือน ลักษณะนิสัยดูเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เท่าที่ทราบผู้ก่อเหตุมีอาชีพปล่อยเงินกู้ ในแต่ละวันจะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้องในช่วงเย็น แล้วกลับเข้ามาที่ห้องช่วง 2-3 ทุ่ม เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ทราบว่าไปไหนบ้าง ส่วนผู้ตายตนเองไม่เคยเห็น โดยวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ช่วงกลางดึก ตนจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ สังเกตเห็นความผิดปกติ เห็นผู้ก่อเหตุเดินกระวนกระวายอยู่หน้าหอพักอยู่นานมาก ตนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้สอบถาม
จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุกลับมาที่หอพักเพื่อชี้จุด และสอบปากคำ พร้อมเเจ้งว่าลูกหอก่อเหตุฆ่าหั่นศพเพื่อนร่วมชาติ ตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุสยองเเบบนี้ในหอพักของตัวเอง ส่วนในเรื่องผลกระทบของหอพักหลังจากนี้ ตนไม่ได้กังวลใด ๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงโควิด มีผู้อาศัยอยู่ในหอพักแค่ 5 คน
สำหรับจุดที่ผู้ก่อเหตุ ระบุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้นำจักรยานยนต์เวฟ สีดำไปทิ้งไว้บริเวณใต้สะพานลอย อยู่ห่างจากจุดทิ้งศพ 1.9 กิโลเมตร เป็นสะพานลอยข้ามฝั่งมีป้ายรถเมล์ ประจวบกับมีทางวินมอเตอร์ไซค์อยู่ในพื้นที่ด้วย
นายพะยอม เปียสวัสดิ์ อายุ 45 ปี วินมอเตอร์ไซค์ เล่าว่า 1-2 วัน ก่อนหน้านี้พบว่ามีมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่มีป้ายทะเบียน มาจอดอยู่บริเวณใต้สะพานลอยข้างถนน ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นคนแถวนี้มาทำธุระแล้วจอดทิ้งไว้ แต่พอเข้าวันที่ 2 ก็เริ่มแปลกใจว่าทำไมไม่มีคนนำออกไป จนวันนี้ประมาณบ่าย 2 ตนมาก็ไม่เห็นแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นรถผู้ต้องหา เพราะไม่รู้ว่าใครนำมาจอด ในช่วงที่จอดตนก็ไม่เห็น เพิ่งมาเห็นช่วงกลางวันตอนที่ไม่มีคนแล้ว
Advertisement