กรณี ร.ต.อ.วิศรุต รอง สว.(สอบสวน) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักอาศัย บริเวณในซอยสุขสวัสดิ์ 33 จึงรุดไปพร้อมกับประสานแพทย์ นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
โดยที่เกิดเหตุภายในบ้านพักอาศัยลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หมู่ที่ 2 ซอย สุขสวัสดิ์ 33 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร มีรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 คน ทราบชื่อต่อมา นายณัฐวุฒิ หรือ โจ้ อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ผูกคอด้วยผ้าขาวม้าเสียชีวิต คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมง
ทั้งนี้ สภาพศพเริ่มแข็งและส่งกลิ่นออกมาแล้ว อาสาสมัครจึงสวมใส่ชุด PPE เข้าไปเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตลงมาแล้วห่อด้วยถุงนิรภัย นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาตร์ รพ.ศิริราช เพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไปตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวช
ล่าสุดวันที่ 5 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ได้พูดคุยกับนางทองดี เหลืองประสิทธิ์ อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ผู้ตายเป็นชาว จ.สกลนคร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยรับจ้างทำงานกับตน กระทั่งตนสงสารจึงให้มาพักอาศัยด้วย แต่พักอยู่ในกระต๊อบคนงานก่อสร้าง ตั้งแต่ปีพ.ศ.2560 ซึ่งประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ตนเก็บเพียงค่าน้ำ ค่าไฟ เท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ตายบอกกับตนว่า มีอาการแน่นหน้าอก ตนจึงแนะนำให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่วัดราษฎร์บูรณะ จากนั้นก็ทราบผลพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าได้รับเชื้อมาจากที่ไหน แต่ผู้ตายจะออกจากบ้านไปเอาข้าวกล่องที่เขาแจกละแวกบ้านบ่อยครั้ง
จากนั้นเมื่อตนทราบว่าผู้ตายติดเชื้อโควิด-19 จึงรีบประสานหาโรงพยาบาลสนาม กระทั่งมีเพื่อนแนะนำให้ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ย่านสุขุมวิท เมื่อผู้ตายไปรักษาตัวได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะหลบหนีออกมา ตนก็ได้ตำหนิว่าทำไมต้องหนี เพราะยังไม่ได้ใบรับรองแพทย์ว่ารักษาหายหรือไม่ ทำให้คนในละแวกบ้านหวาดกลัว แต่ตนไม่ได้หวาดกลัว เพราะมั่นใจว่าป้องกันดีอยู่แล้ว
แต่ผู้ตายอ้างว่าทานอาหารไม่ได้ หากทานเข้าไปจะอาเจียนออกมา ประกอบทั้งอาหารจืด ไม่อร่อย หายใจไม่ออก และอากาศข้างในเย็น ขณะเดียวกันผู้ตายอยู่ในลักษณะอาการที่เครียด ภายหลังตนจึงให้ผู้ตายกักตัวอยู่ให้ห้องพักของเขา พร้อมทั้งติดต่อฝ่ายสิ่งแวดล้อมสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จะนำยากับอาหารมาส่งให้ที่บ้าน ไม่ให้ออกไปไหน กระทั่งผู้ตายตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต
ขณะเดียวกันผู้ตายมานอนที่บ้านได้ 2 คืน 3 วัน ก็ตัดสินใจผูกคอตาย โดยช่วงเช้าของวานนี้ (4 ส.ค.64) ตนได้ให้เด็กที่บ้านเดินไปเคาะหน้าห้อง เพื่อจะนำอาหารไปให้ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ จึงปีนขึ้นไปบนฝาพบว่าผู้ตายผูกคอตายเสียชีวิตแล้ว ตนคาดว่าเขาคงน้อยใจที่ป่วยโควิด-19 และกลัวว่าคนอื่นจะรังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้
จากนั้นเวลา 08.00 น. จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตำรวจบอกว่าทางแพทย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าง เนื่องจากว่ามีคนตายจำนวนมาก ตนยอมรับว่าขณะนั้นน้อยใจว่าทำไมมีมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือบ้าง ตนแจ้งไปก็บอกให้รอ โทรศัพท์สายแทบไหม้ ตนทำได้เพียงนั่งเฝ้าศพ กระทั่งเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้าน และจัดเก็บศพในเวลา 21.00 น. รวมระยะเวลาประมาณ 13 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งแม่และญาติของผู้ตายแล้ว ซึ่งทางญาติขอให้ตนเป็นผู้จัดการให้ทุกอย่าง เนื่องจากญาติเดินทางมาร่วมงานไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่มาฉีดพ้นยาฆ่าเชื้อ ทั้งนี้ ตนจะนำร่างของผู้ตายไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดประเสริฐสุทธาวาส ในพรุ่งนี้ (6 ส.ค.64) นอกนากนี้ ตนไปตรวจหาเชื้อโควิดแล้ว ผลออกมาเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ย่านสุขสวัสดิ์ 33 พบว่าบ้านที่ผู้ตายตัดสินใจผูกคอตายนั้น เป็นกระต๊อบไม้ยกสูงชั้นเดียว โดยนางเรียม อยู่ภักดี อายุ 69 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวให้ฟังว่า ตนรู้จักกับผู้ตายมา 2-3 ปีแล้ว เขาเป็นคนร่าเริงและนิสัยดี ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งเมื่อกลางเดือนก.ค.64 ที่ผ่านมา ตนสังเกตว่าผู้ตายผอมไป จึงได้สอบถามว่าป่วยหรือไม่ แต่ผู้ตายบอกเพียงว่าแขนขาอ่อนแรง
จากนั้นประมาณวันที่ 20 ก.ค.564 ผู้ตายได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลออกมาเป็นบวก ต่อมาทางเจ้าของบ้าน ได้พยายามติดต่อโรงพยาบาลสนาม สามารถติดต่อได้ในวันที่ 24 ก.ค.64 และพาไปรักษา ก่อนที่ผู้ตายจะหลบหนีออกมาจากโรงพยาบาลสนาม และตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน ตนมีโอกาสได้สอบถามเขาว่า "ออกมาทำไม" โดยผู้ตายอ้างว่าหมอให้ออกมารักษาที่บ้าน เมื่อตนขอดูใบอนุญาตหรือใบรับรองแพทย์ ผู้ตายกลับอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ใบรับรองแพทย์ออกมา ตนยอมรับว่าขณะที่ผู้ตายมาพักอาศัยอยู่ที่กระต๊อบ ตนหวาดกลัว แต่ไม่ได้รังเกียจ ตนไม่ทราบว่าผู้ตายไปรับเชื้อโควิด-19 มาจากไหน เพราะหากสอบถามผู้ตายก็มักจะโวยวาย ไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนก็ดูแลตัวเองโดยเว้นระยะห่างกับผู้เสียชีวิต สวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตนก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อจะได้เก็บของและรื้อถอนกระต๊อบหลังดังกล่าวด้วย
Advertisement