จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายภายในรีสอร์ต หมู่ 6 บ้านนา ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าห้องพักสีเขียว หมายเลข 13 ภายในรีสอร์ต
พบสภาพศพนอนหงายจมกองเลือด ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงเข้าที่เหนือชายโครงด้านซ้ายบน 1 นัด และกกหูขวา 1 นัด หน้าผาก 1 นัด ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายศวาพล โพธิ์ขาว อายุ 24 ปี
นายทวัญญู อู่ทอง ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ตนเองและนายศวาพล ผู้เสียชีวิต มีบ้านอยู่ติดกัน แต่ก็ไม่ค่อยลงรอยกัน และที่ผ่านมานายศวาพลได้เลิกกับแฟนสาวไปแล้ว
และแฟนสาวก็ได้มาคบกับตนเองอีก ทำให้นายศวาพลมีพฤติกรรมหวงก้างมาโดยตลอด แต่ตนเองก็คอยระมัดระวัง
จนกระทั่งล่าสุดตนเองและแฟนสาวได้มาอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งกับเพื่อนอีก 2 คน รวมทั้งสิ้น 4 คน อยู่ ๆ นายศวาพลก็มาเคาะประตูเพื่อหาเรื่อง ตนเองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้นำอาวุธมาดักรอพร้อมกับเปิดประตูให้นายศวาพลเข้ามา และจะนำอาวุธมีดมาแทงตน ทำให้ตนต้องยิงเพื่อป้องกันตัว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ พร้อมคัดค้านการประกันตัว ดำเนินคดี 4 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะชุมชนเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาต และเสพยาเสพติด
วันที่ 20 พ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพพร้อมทั้งชี้จุดที่เกิดเหตุ ภายในรีสอร์ตที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐาน และบันทึกคำให้การที่ผู้ต้องหา อ้างว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว เพราะผู้ตายเองก็เป็นคนสนิทที่เจ้าตัวรักมากเป็นเพื่อนเช่นกัน
นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุทั้งผู้ก่อเหตุ และผู้เสียชีวิตยังพูดคุยกันผ่านแชตดี ด้วยการทักทายกันตามปกติเหมือนคนสนิทกัน ก่อนที่ผู้ตายจะทิ้งท้ายว่าจะไปทวงแฟนสาวของตัวเองคืน
นอกจากนี้ แฟนสาวผู้ตาย บอกกว่า ก่อนที่นายศวาพลจะเสียชีวิต ได้มีการขอรูปที่ตนทำให้เป็นของขวัญวันเกิดปีนี้ ซึ่งเป็นคำขอครั้งสุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุ จึงฝากให้ทีมข่าวนำไปให้ครอบครัวของนายศวาพลด้วย
นายกอง โสภา อายุ 44 ปี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิต แต่อยู่ด้วยกันมามากกว่า 15 ปี มีความรักเหมือนกับลูกแท้ ๆ โดยปกตินายศวาพลเป็นคนที่ค่อยข้างเกเรบ้าง แต่ว่าตนบอกสอนอะไร ก็เชื่อฟังและทำตาม ความสัมพันธ์กับนางสาวเฟิร์ส แฟนสาวของคนตาย คบกันมาได้ประมาณ 3 ปี ก่อนหน้านี้นายศวาพลถูกดำเนินคดีในข้อหาทะเลาะวิวาทเมื่อประมาณปี 2562 ติดคุกนาน 2 ปี พ้นโทษก็กลับมาคบกันเหมือนเดิม
เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2564 นายศวาพลทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วนางสาวเฟิร์ส แฟนสาวก็ไม่ค่อยอยู่ที่บ้าน ไป ๆ มา ๆ ตนก็บอกลูกชายตลอดว่า "ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาจะไปไหนก็ปล่อยเขาไป" แต่ลูกชายดูหวงแฟนสาวมาก เดินทางกลับมาที่ จ.พิษณุโลก เมื่อเสาร์ที่ 15 พ.ค.64 จากนั้นก็เหมือนจะห่างกัน ตนก็ไม่แน่ใจว่าเลิกกันหรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะเลิกกันแล้ว
วันเกิดเหตุวานนี้ นายศวาพลจะออกไปตามหานางสาวเฟิร์ส แฟนสาว ตนก็ห้ามแล้วว่าไม่ต้องไป ปล่อยเขาไปเถอะ แต่ก็รู้ว่าลูกชายค่อนข้างดื้อ และอาจจะด้วยที่เขาทั้งสองคนคบกันมานาน ตนมาทราบข่าวว่าลูกชายถูกยิงเสียชีวิตก็ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอก ตอนนั้นทุกคนรู้สึกช็อกและเสียใจมาก ตนก็คิดว่านางสาวเฟิร์สน่าจะมีส่วนทำให้เกิดขึ้นแบบนี้ด้วย
ตำรวจพบมีดปลอกผลไม้ในจุดเกิดเหตุ แต่นายวทัญญู ผู้ก่อเหตุ ก็ทำเกินกว่าเหตุมาก ยิงขนาดนั้นคือหมายให้ลูกตนเสียชีวิต ตนไม่ต้องการให้ครอบครัวของนายวทัญญูขอขมา ไม่ขอให้อภัย และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินตามกฎหมาย หลังเกิดเหตุมีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้น ขณะนั้นตนอยู่ที่สถานีอนามัยของหมู่บ้าน กำลังใช้โทรศัพท์คุยกับภรรยาที่กำลังอยู่ สภ.เนินมะปราง ในระหว่างการสนทนา ตนได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ "ฮือ ๆ ๆ ช่วยปอนด์ด้วย" เชื่อว่าเสียงที่แทรกเข้ามาเป็นลูกชาย
ส่วนงานศพอาจจะมีการเผาวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค.64 เนื่องจากวันเสาร์ที่ 22 พ.ค.64 เป็นวันเกิดของผู้เสียชีวิต
นางสาวเฟิร์ส (นามสมมติ) แฟนสาวผู้ตาย บอกว่า ตนคบหากับนายศวาพลตั้งแต่ช่วงปี 2560 หลังนายศวาพลถูกดำเนินคดีในเรื่องของการทะเลาะวิวาท จำคุก 2 ปี ในระหว่างสองปีที่นายศวาพลจำคุก ตนก็ได้คบกับผู้ชายคนใหม่ แต่พอออกมาจากคุกก็กลับไปคบกัน ที่ผ่านมาตนถูกนายศวาพลทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง หลายครั้งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง จนตนทนไม่ไหว และมีเรื่องของยาเสพติดด้วย ตนให้โอกาสปรับตัวหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังเหมือนเดิม ล่าสุดจึงมีการเลิกกับนายศวาพลช่วงเดือนเมษายน 2564 ในขณะนั้นนายศวาพลไปทำงานในกรุงเทพฯ และพยายามตื๊อให้คืนดี
ตนจึงไปคุยกับนายวทัญญู ผู้ก่อเหตุ เพราะเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเวลาที่ตนถูกนายศวาพลทำร้ายร่างกาย และก่อนหน้าที่จะมาคบหากับนายศวาพล ตนเคยคบกับนายวทัญญูมาก่อนด้วยซ้ำ แต่เลิกกันนานแล้ว ตนยืนยันว่าไม่ได้นอกใจ แต่พอรู้ว่านายศวาพลกลับมาที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 15 พ.ค.64 จากนั้นวันที่ 18 พ.ค.64 มีการเคลียร์ใจอีกครั้ง ตนก็ยังคิดอยู่ว่าจะให้อภัย แต่ถูกนายศวาพลตบหน้า 1 ครั้ง ยิ่งทำให้รู้ว่านายศวาพลยังคงเป็นคนเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน จึงไม่กลับไปคบอีกแล้ว
วันเกิดเหตุตนเดินทางไปที่รีสอร์ต ไปนั่งเล่นกับเพื่อน ๆ ก็ยังสงสัยอยู่ว่านายศวาพลรู้ได้อย่างไรว่าตนอยู่ที่นั่น ซึ่งนายศวาพลถือมีด พยายามจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย ตนก็คอยช่วยห้าม แต่ไม่คิดว่านายวทัญญูมีปืน เพราะเขาพกไว้ที่เอว จากนั้นก็มีการยิงใส่นายศวาพล ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว ก็ยังรักและเป็นห่วงเสมอ ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่มาก รู้สึกโทษตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ตอนนี้ตนอยากไปร่วมงานศพ แต่คงไม่กล้าไป จึงฝากขอโทษแม่ ย่า และครอบครัวของนายศวาพลด้วย
ที่บ้านของนายศวาพล ผู้เสียชีวิต ถูกจัดตั้งงานศพภายในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพาศพมาถึงที่บ้านเวลาประมาณ 18.00 น. ทางญาติอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแม่และพี่สาวของผู้เสียชีวิต อาบน้ำศพก่อนนำเข้าตู้แช่ศพ
น.ส.ฉันทพัฒน์ แสงทอง อายุ 30 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต บอกว่า มีความคาใจกับใบชันสูตร ที่ระบุสาเหตุของการตายว่ามีบาดแผลจากรอยกระสุนที่ทรวงอก ซึ่งตนไม่เห็นว่าช่วงอกมีรอยแผลทั้งที่น้องชายตนถูกยิงที่บริเวณกกหู หน้าผาก และชายโครงซ้ายใกล้เอว ตรงกับตามที่แพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุเบื้องต้น ส่วนเรื่องที่นายวทัญญู ผู้ก่อเหตุให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีเรื่องบาดหมางกับน้องชายของตนมานานแล้ว ขอยืนยันว่าไม่จริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็พูดคุยเล่นกันดี และน้องชายนับถือนายวทัญญู ผู้ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ ในแชตเฟซบุ๊กก็ทักทายถามไถ่กันดี
จนกระทั่งตนมาเจอข้อความที่น้องชายทักไปประมาณว่าเหมือนนายวทัญญู ผู้ก่อเหตุไปแอบมีบางอย่างกับนางสาวเฟิร์ส จนคนอื่นพูดกันหนาหู และบอกว่า 15 พ.ค. จะกลับบ้านไปทวงเมียคืน สุดท้ายน้องชายของตนก็ทักไปขอโทษ เพราะอาจจะเข้าใจผิดที่เชื่อคนอื่นมากกว่า ส่วนตัวมีความสงสัยว่าน้องชายของตนรู้ได้อย่างไรว่านางสาวเฟิร์สอยู่ที่รีสอร์ต และข้อมูลที่ตนได้มา คือนายวทัญญูขายสร้อยคอทองคำเพื่อนำเงินมาซื้อปืน ซึ่งตนรู้จักน้องชายดี ถ้าน้องชายจะไปฆ่านายวทัญญู ผู้ก่อเหตุ จะถือมีดปลอกผลไม้ไปทำไม มีดดาบ ปืนเขาก็มี และตอนที่ยิงนัดแรก ทำไมต้องออกมายิงซ้ำ แต่ไปให้การกับตำรวจว่าตัวเองป้องกันตัว ตนจึงอยากขอให้ความยุติธรรมกับน้องชายด้วย เพราะชีวิตมันควรแลกด้วยชีวิต
Advertisement