เมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 นางคำใส ฮาดดา อายุ 64 ปี แม่ค้าหน้านบ้านลุงพล ในฐานะชาวบ้านกกกอก เล่าเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องวิชาไสยเวท และเหล็กไหล ในหมู่บ้านกกกอก ว่า แม้ว่าสังคมรวมถึงนายอัจฉริยะ จะมองว่าลุงพลเกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ที่มีวิชาไสยเวท หรือเกี่ยวข้องกับจอมขมังเวทย์ ส่วนตัวไม่เคยเห็นบุคคลเหล่านี้แวะเวียนมาที่บ้านของลุงพล และไม่เคยเห็นลุงพลคบหากับคนเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นว่าลุงพลจะนับถือพระสงฆ์ และเชิญพระสงฆ์มาที่บ้านบ่อยครั้ง โดยตนไม่รู้ว่าพระสงฆ์สามารถเรียกว่าจอมขมังเวทย์ได้หรือไม่
ขณะที่ความเชื่อเรื่องของเหล็กไหล ตนเคยได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพ่อแม่ ตอนนั้นตนเป็นเด็กวิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้านกกกอก ซึ่งพ่อแม่เล่าถึงตำนานเหล็กไหลในบนพื้นที่ภูเขาภูเหล็กไฟ อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พบศพน้องชมพู่ แต่ยอมรับว่าเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าจากรุ่นพ่อแม่ เพราะตนไม่เคยขึ้นไปบริเวณจุดดังกล่าว และไม่รู้ว่าสถานที่ตรงนั้นมีอยู่จริงหรือไม่
พ่อเล่าให้ฟังว่า บนภูเหล็กไฟ มีถ้ำแห่งหนึ่งชื่อว่าถ้ำช้าง เป็นถ้ำที่มีเหล็กไหล และมักจะมีผู้มีวิชาอาคมมาตัดเอาเหล็กไหล พ่อจะสอนและขู่ตนมาตลอด หากร้องไห้ตอนกลางคืน จะทำให้เหล็กไหลดูดเข้าไปอยู่ในถ้ำ ซึ่งตั้งแต่เด็กจนโต ตนก็จะสอนลูกหลานและพูดเหมือนที่พ่อเคยพูดเอาไว้เสมอว่า “กลางคืนห้ามร้องไห้ ไม่เช่นนั้นเหล็กไหลภูเหล็กไฟจะดูดเข้าไปในถ้ำ”
อีกทั้งเคยมีตำนานเกี่ยวกับถ้ำช้าง ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นที่อยู่ของเหล็กไหล เคยมีพระธุดงค์ผ่านมา แล้วมาบอกกับชาวบ้านกกกอกว่า ต้องการขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ เพื่อจะไปเอาเหล็กไหล แต่พระรูปดังกล่าวขึ้นไปแล้วไม่กลับลงมา หายไปประมาณ 7 วัน ชาวบ้านจึงได้ออกค้นหา พบเพียงจีวรและบาตรพระ ทิ้งเอาไว้อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นถ้ำช้างหรือไม่ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่พบร่างของพระรูปดังกล่าว จึงเชื่อกันว่าหากใครลองดีหรือต้องการเหล็กไหลจากภูเหล็กไฟ แล้วไม่มีวิชาอาคมเพียงพอ ก็อาจทำให้สูญหายไป
Advertisement