
ความคืบหน้าเหตุสลดในวัดอโสการาม บ้านโสกนกเต็น หมู่ 1 ต.โสกนกเต็น อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งมีการจัดงานบุญกฐินมีขบวนแห่เข้าวัด เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 1 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา นายหนูกัณห์ (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ซึ่งเป็น ไวยาวัจกรของวัดอโสการาม ขับรถยนต์ถอยหลังพุ่งชนเด็กหญิงวัย 7 ขวบเสียชีวิต และเด็กชายอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ มี 1 รายอาการสาหัส เพราะถูกชนอัดกับต้นไทรใหญ่ในวัด ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 พ.ย.2568 ที่ สภ.พล จ.ขอนแก่น นางบัวศร พันธ์แสง อายุ 63 ปี และนายกลวัชร พันธ์แสง อายุ 32 ปี ย่าและพ่อเด็กหญิงอายุ 7 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ พร้อมญาติพี่น้องเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตามขั้นตอน โดยมีคู่กรณีคือนายหนูกัณห์ ไวยาวัจกรของวัดอโสการาม เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อไกล่เกลึ่ยกับคู่กรณีเช่นกัน โดยมากับลูกชาย ซึ่งต้องใช้ไม้พยุงเดินเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกขณะเกิดเหตุ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้าห้องสอบสวนเพื่อพูดคุยตกลงกันในส่วนของค่ารักษาเยียวยาต่างๆที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ ยังอยู่ระหว่างการพูดคุย โดยมีพนักงานสอบสวนเป็นคนกลาง
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางบัวศร ย่าของผู้เสียชีวิต บอกว่า ในส่วนเหตุการณ์ช่วงอยู่วัดนั้นตนเองอยู่ด้านหลัง ส่วนหลานอยู่ด้านหน้า ก่อนที่รถเก๋งจะพุ่งถอยหลังชนกับต้นไม้ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องของชาวบ้าน พากันพูดว่ารถถอยชนต้นไม้ ตนเองก็ได้ถามๆกันว่าชนคนไหน มีใครอยู่ใต้ท้องรถไหม ก่อนจะพากันไปยืนดูอยู่ตรงต้นไม้ ทีแรกไม่คิดว่าเป็นหลานตัวเอง พอไปดูก็เห็นป้าของหลานสาวอุ้มเอาไว้ และเห็นเด็กคนอื่นๆมีชาวบ้านมาช่วยกันอุ้มเช่นกัน พอหลานสาวเห็นตนเองรีบมากอดบอกว่าเจ็บ ตนเองเห็นบาดแผลของหลานสาวใต้ตาขวาฉีก เลือดออกอาบเต็มหน้ าตนเองบอกหลานอย่าหลับก่อนที่รถพยาบาลจะมารับไป รพ.หมอเอ็กซเรย์บอกน้องมีเลือดออกเยอะ จะส่งรพ.ขอนแก่นแต่ก็ไม่ส่งสักที ก่อนจะเอาไปเอ็กซเรย์อีกครั้ง ก่อนจะแจ้งว่าหลานม้ามแตก ตับแตก กระดูกแตก ซี่โครงหัก ตนเองก็คิดหลานไม่น่ารอด พอเอ็กซเรย์มาเสร็จ หลานก็บอกว่าเจ็บมากๆกลัวมาก ตนเองก็ได้แต่บอกอดทนถึงมือหมอแล้วเดี๋ยวก็หาย ก่อนที่หมอพยาบาลจะมาทำแผลที่ศีรษะให้ ก่อนที่หลานสาวจะหมดสติและเสียชีวิตตอนช่วงประมาณ 20.00 น.
ในส่วนทางคู่กรณีนั้นได้ให้เงินช่วยเหลือค่าทำศพ 20,000 บาท ซึ่งทางครอบครัวจะยังไม่เผาศพ จะรอพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันนี้ก่อน หากตกลงกันไม่ได้ก็จะเรียกร้องต่อ และขอให้ทางตำรวจดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่จุดเกิดเหตุ โดยทางพระครูอโศกสุธรรมวงส์ หรือ หลวงปู่ค้ำจุนเมตตาธรรม เจ้าอาวาสวัดอโสการาม ได้นำสายสิญจน์มาผูกแขนเด็กชายชานนท์ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้นป.1 และ ด.ช.นิพิฐพนธ์ อายุ 8 ปี นักเรียนชั้น ป.2 ที่ได้รับบาดเจ็บถูกรถถอยชนในงานบุญกฐินที่วัด รวมทั้งเด็กๆกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเด็กๆ เพราะหลังจากเกิดเหตุเด็กๆต่างยังอยู่ในความตกใจ และไม่กล้ามาใกล้ที่เกิดเหตุ บางคนกินข้าวได้น้อย จนทางชาวบ้านต้องทำพิธีเรียกขวัญให้ในวันนี้
หลวงปู่ค้ำจุนเจ้าอาวาสวัด เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าช่วงที่ขบวนแห่บุญกฐินมาถึงประตูโขงวัด พ่อเล ไวยาวัจกร จึงเดินมาถามว่าพระครูจะแห่กี่รอบ จึงบอกไปว่าสามรอบ โดยมีคนท้วงรถคันที่เกิดเหตุว่าเป็นรถของใคร พระครูจึงบอกว่าเป็นรถของพ่อเล พ่อเลจึงถามย้ำว่าแห่กี่รอบ พระครูก็บอกย้ำไปว่าสามรอบ พระครูจึงเดินขึ้นศาลาไปทันที พอพระครูเดินขึ้นศาลาจะประกาศใส่ใมค์ว่าแห่สามรอบ ก็ได้ยินเสียงรถเร่งเครื่องดัง ก่อนจะได้ยินเสียงชน ก่อนที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จะร้องกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และบางส่วนก็ร้องไห้ ก่อนที่พระครูจะประกาศให้รถแห่ยุติ โดยเหตุการณ์ขณะนั้นยังไม่มีใครเสียชีวิต มีเด็กได้รับบาดเจ็บรวมทั้งหมด 4 คน โดยเด็กที่เสียชีวิตนั้นอาการไม่หนักเท่าเด็กชายที่ถูกชนอัดกับต้นไทร
เท่าที่สอบถามพูดคุยกับพ่อเล บอกว่าสงสัยว่าเกียร์จะมีปัญหา หลังจากที่เคยไปซ่อมเกียร์มาก่อนหน้านี้หรือเกียร์อาจจะค้าง เพราะถ้าไม่มีปัญหาก็คงจะเร่งเครื่องไปข้างหน้า ซึ่งจะไม่มีใครอยู่ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์สลดขึ้น บวกกับความเร่งรีบที่ต้องการนำรถออกจากทางขบวนบุญกฐิน รถได้ถอยพุ่งชนเด็กที่รอเก็บเหรียญโปรยทานอยู่ด้านหลัง
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของเด็กหญิงกนกพัชร พันธ์แสง อายุ 7 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 7 ตำบลโสกนกเต็น อำเภอพล จังหวัดขอนแก่นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งครอบครัวและญาติๆได้ตั้งศพน้องเอาไว้ภายในบ้าน โดยมีญาติญาติและเพื่อนบ้านช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ สำหรับรอแขกที่จะมาร่วมในพิธีสวดอภิธรรมศพคืนนี้ โดยแต่ละคนอยู่ในความโศกเศร้าที่เสียคนที่รักไป
ด้านนางนวลจันทร์ ภูมิสุวรรณ ย่าอีกคนของผู้เสียชีวิต เล่าว่าในวันเกิดเหตุนั้นตนเองได้ยินเสียงสตาร์ทรถและรถเก๋งก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว เห็นเด็กๆถูกรถชนจึงรีบพากันเข้าไปดู โดยเด็กชายถูกชนไปอีกทาง ส่วนหลานสาวรถถอยออกจึงมองเห็น ส่วนเด็กชายอีกคนอยู่ใต้ท้องรถ หลังจากรถถอยชนกับต้นไม้ ถ้าไม่ชนต้นไม้ก็ไม่รู้ว่าเด็กชายจะไปถึงไหน ตอนเห็นเหตุการณ์ทีแรกไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับหลานสาวตัวเอง ตนเองทั้งตกใจทั้งร้องไห้สงสารเด็กๆ ช่วงเกิดเหตุนั้นชาวบ้านต่างพากันอุ้มเอาหลานตัวเองออก เพราะเหมือนรถจะเดินหน้าอีก ก่อนที่ตนเองจะไปหาหลานสาวกับญาติๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนั้นรับไม่ได้ สงสารหลานสาวที่ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ หลังเกิดดหตุคนขับยังไม่ได้มางานศพ มีเพียงภรรยาและลูกมาร่วมงานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งยังไม่สามารถตกลงกันได้และอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ขอพูดคุยกับทางคนขับรถเก๋ง แต่เจ้าตัวยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชน หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง
ในส่วนของข้อหานั้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
Advertisement