
วันที่ 24 ต.ค.2568 เมื่อเวลา 10.00 น. นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน นิติกรชำนาญการที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้รับมอบหมายอำนาจจากนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าความกับพ.ต.ท.สมอาจ หมั่นอุตส่าห์ รองผกก.สอบสวนสภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลังถูกน.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ กรรมการมูลนิธิเป็นหนึ่งเข้าความดำเนินเมื่อวันที่ 19 ต.ค.67 ในคดีอาญาที่760/2567 ว่า น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ ผู้ถูกกล่าวหาได้ปลอมลายมือชื่อของน.ส.วิไลลักษณ์ เพื่อไปยื่นจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่ง ที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง โดยที่น.ส.วิไลลักษณ์ ให้การยืนยันว่าไม่เคยยินยอมให้ น.ส.ชนิดา หรือ ต้นอ้อ ลงลายมือชื่อแทนแต่อย่างไร ซึ่งต่อมาทางน.ส.ชลิดา หรือ ต้นอ้อ ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนสภ.บางบัวทอง ยืนยันว่าตนได้รับความยินยอมให้ใช้ลายมือชื่อของน.ส.วิไลลักษณ์ ในการนำชื่อไปจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่งเช่นกัน
ทำให้ต่อมาทางพนักงานสอบสวนสภ.บางบัวทอง ได้ทำหนังสือถึงนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรีว่า เจ้าหน้าที่ที่รับจดแจ้งทะเบียนให้กับมูลนิธิเป็นหนึ่งได้รับความเสียหาย เกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารหรือไม่ ทำให้ต่อมานายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรี มอบหมายให้ทางนิติกรชำนาญการของทางฝ่ายปกครองจังหวัดดำเนินการตรวจสอบในข้อเท็จจริงดังกล่าว เกี่ยวกับการปลอมแปลงลายมือชื่อผู้อื่นมาจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่ง แล้วพบว่ามีการนำเอาลายเซ็นของผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนโดยไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของชื่อ ซึ่งมีความผิดทางอาญา ฐานปลอมแปลงเอกสารและยังมีโทษทางกฎหมายตามประเภทของเอกสารที่ถูกปลอมแปลงเช่นปลอมเอกสารทั่วไป (มาตรา264) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ(มาตรา265) จะมีโทษหนักขึ้นคือจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ซึ่งต่อมาพบว่ามีการนำลายมือชื่อผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนมูลนิธิจริง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีในฐานะนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรี จึงเป็นผู้เสียหายจากการแอบอ้างนำลายเซ็นชื่อผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนมูลนิธิ จึงมอบหมายให้นิติกรชำนาญการที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี เข้าแจ้งความดำเนินกับน.ส.ชนิดา หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่งในวันนี้ พร้อมกับเตรียมร้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้เพิกถอนใบทะเบียนของมูลนิธิเป็นหนึ่งต่อไป
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอ งกล่าวว่า หลังนิติกรฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่นำลายเซ็นปลอมของผู้อื่นมาใช้ยื่นจดทะเบียนมูลนิธิแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวในความผิดฐานปลอมลายชื่อ และใช้เอกสารปลอมในการยื่นจดทะเบียนมูลนิธิต่อไป
ส่วนเรื่องการเสนอยกเลิกทะเบียนมูลนิธิดังกล่าวเป็นอำนาจของทางผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะมอบหมายให้ทางนิติกรฝ่ายปกครองจังหวัดดำเนินการต่อไป
Advertisement