
วันนี้ (16 ก.ย.68) ที่ บช.น.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหลักฐานต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขอให้สั่งการให้ผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำการสืบสวนกรณี นายตำรวจยศ “พันตำรวจโท ณ ” รายหนึ่ง สังกัด กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่ ร่วมกับตำรวจจังหวัดราชบุรีและตำรวจนครปฐม ทำการจับกุมเว็บพนัน ในพื้นที่จ.เชียงใหม่ แล้วขายสำนวนรีดเงินได้ไป 22 ล้านบาท
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนเองมาร้องขอให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำการสืบสวนกรณีที่มีพันตำรวจโทรายหนึ่ง สังกัดตำรวจไซเบอร์ ได้ร่วมกับพวกดำเนินการรีดกรรโชกเอาเงินเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ เหตุเกิดในพื้นที่สน.โชคชัย และต่อเนื่องพื้นที่ จ.นนทบุรี ได้เงินไป 22 ล้านบาท
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ขบวนการนี้ได้มีการนำหมายจับหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเป็นบัญชีม้าที่จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นได้ร่วมกันหลายหน่วยงาน มีบันทึกการจับกุมชุดปฏิบัติการพิเศษของตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรนครปฐม ตำรวจสภ. เมืองราชบุรี โดยทั้ง 3 หน่วยงานมีผู้กำกับ ปพ.ของภาค 7 เป็นหัวหน้าแก๊งในขบวนการรีดเอาเงิน จำนวน 22 ล้านบาทไป
สำหรับพฤติการณ์คือตำรวจเหล่านี้ได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมฯ ในพื้นที่ภาค 7 และทำการสืบสวนจับกุมบัญชีม้าเว็บพนัน เมื่อจับกุมบัญชีม้า มาแล้วก็จะมีการออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนและออกหมายจับบัญชีม้าต่างๆ จากนั้นจะให้เจ้าของมาติดต่อ ชุดสืบสวนเพื่อที่จะให้มีการเคลียร์คดีกันเกิดขึ้น
สำหรับพฤติการณ์ในพื้นที่สภ. เมืองราชบุรี ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีพนักงานสอบสวน ร่วมกับชุดสืบสวนสอบสวนที่มีการไปจับกุมที่ จ.เชียงใหม่ ให้ไปเคลียร์กับพันตำรวจโท ณ ที่ ตำรวจไซเบอร์ เป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับเจ้าของเว็บพนันซึ่งรายละเอียดปรากฏหลักฐานและบันทึกการจับกุมที่มีการ ไปจับกุมตัวเจ้าของบัญชีม้าของเว็บพนันเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 รวมตำรวจที่ลงชื่อในบันทึกจับกุมทั้งสิ้น 78 คน ในการจับกลุ่มผู้หญิงคนเดียว
หลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองราชบุรี แจ้งกับบัญชีม้าว่า หากอยากจะเคลียร์คดีนี้ให้จบแบบง่ายๆให้ติดต่อสารวัตร ณ ซึ่งมีการสนทนากันทาง แชตไลน์ ยืนยันว่ามีการนำสำนวนต่างๆ และจุดนัดพบที่มีการรับเงินถึง 2 แห่ง จุดแรกในคลับเฮาส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.โชคชัย ได้เงินไป 20 ล้านบาท และอีกจุด คือ สถานบริการแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี ได้เงินไปอีก 2 ล้านบาท โดยในแชตการสนทนา ชุดสืบสวนอ้างว่า จะไม่มีการออกหมายเรียกและหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันอีกต่อไปและจะไม่ดำเนินคดีฐานฟอกเงินด้วย
หลังจากได้เงินไป 22 ล้านแล้ว พ.ต.ท. ณ ได้แจ้งกับผู้เสียหายอีกว่า จะขอเงินเพิ่มอีก 10 ล้าน โดยอ้างว่า จะเอาไปให้กับพนักงานสอบสวนสภ. เมืองราชบุรี เพื่อประโยชน์ในการทำสำนวนให้อ่อนและวิ่งเต้นอัยการที่จังหวัดราชบุรี เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จะให้ตำรวจอีกแล้ว แล้วเนื่องจากว่าขายทรัพย์สินต่างๆแล้วนำเงินมามอบให้กับตำรวจ ไปจนหมด จึงเข้ามาร้องเรียนกับทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบ ตำรวจในชุดจับกุมที่รีดเอาเงินไปจำนวนดังกล่าว
นายอัจฉริยะ ย้ำว่า พฤติการณ์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงการตำรวจ เพราะทำกันมานานร่วม 2 ปี ได้เงินไปมากกว่า 100 ล้านบาท จึงอยากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ในฐานะกำกับดูแล ตำรวจที่ถูกกล่าวหา ได้ดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน ตำรวจที่มีพฤติการณ์เหล่านี้ให้หมดไป เพราะไม่อยากให้ตำรวจ ใช้อำนาจโดยมิชอบในการ กรรโชกทรัพย์รีดเอาเงิน เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเสียเอง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ มี พ.ต.อ.ธนกฤต บุญเจริญ รอง ผบก.อก.บช.น., พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.ฝอ.3 บก.อก.บช.น. นายตำรวจเวรชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้รับหนังสือ ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อส่งเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
Advertisement