วันที่ 11 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ บ.ศรีสวาย ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังรับแจ้งว่ามีคุณยายวัย 70 ปี ทำผ้าไหมที่เก็บไว้ในกระสอบปุ๋ย ซึ่งเป็นผ้าไหมที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต หล่นหายจากท้ายรถกระบะ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ระหว่างอพยพไปที่ศูนย์พักพิง
โดยลูกสาวคุณยายได้โพสต์ตามหา แต่ก็ยังไร้วี่แวว ทำให้คุณยายเสียใจมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ รวมทั้งคุณตาสามีของคุณยายเสียใจจนช็อกต้องนอนโรงพยาบาล เพราะผ้าไหมที่หายไปมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท และเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ทั้งคุณยาย และคุณตามีอยู่
นาง เสมอ วงศ์รัมย์ อายุ 70 ปี เจ้าของผ้าไหมเล่าทั้งน้ำตาว่า ผ้าไหมทั้งหมด 56 ผืนยายเป็นคนเก็ยใส่กระสอบเอง โดยเก็บเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุปะทะกัน แต่วันนั้นยายตกใจมาก พอได้ยินเสียงปืนใหญ่ปะทะกัน ลูกเขยกับลูกสาวก็เก็บข้าวของที่เตรียมไว้ขึ้นรถกระบะ รวมทั้งกระสอบผ้าไหมด้วย แต่เนื่องความตกใจและความเร่งรีบ ทำให้ลูกเขยไม่ได้ปิดฝาท้ายรถ ก็เลยไม่รู้ว่ากระสอบผ้าไหมตกหายที่ไหน ซึ่งผ้าไหมทั้งหมดในกระสอบ 56 ผืน เป็นสิ่งมีค่าที่ยายเก็บสะสมมา มีทั้งผ้าไหมที่ทอเอง และผ้าไหมที่ได้มาจากการไปช่วยงานแต่งพรรคพวกญาติพี่น้อง มันมีค่าที่สุดในชีวิตยาย ตอนนี้ยายไม่เหลืออะไรแล้ว อยากจะฝากถึงคนที่เก็บไป ให้เห็นใจยายด้วย มันเป็นสมบัติที่ยายเก็บสะสมมา ขอให้ส่งคืนยายเถอะ
ด้านนาย เจริญ วงศ์รัมย์ อายุ 69 ปี สามีคุณยาย เล่าว่า รู้สึกเสียใจ และเสียดายมากแม้ยายจะปลอบว่าอย่าเสียใจไปเลย มันหายไปแล้วทำใจเถอะ แต่ตาก็ทำใจไม่ได้เสียใจจนช็อก ลูกหลานต้องหามส่งโรงพยาบาล ระหว่างอยู่ที่ศูนย์พักพิง ไปนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลถึง 2 คืน ก็อยากจะฝากถึงคนเก็บได้ ขอคืนเถอะ ทั้งตาทั้งยายเสียใจมาก หากนำมาคืนตามีน้ำใจให้แน่นอน ยังไงก็ขอคืนด้วย
นาย สุรัตน์ โกสา อายุ 43 ปี ลูกเขยของคุณยาย ซึ่งเป็นคนขับรถ เล่าว่า วันนั้นเริ่มเหตุการณ์ปะทะกันวันแรก ทั้งเด็กทั้งคนแก่ก็ตกใจกลัว ร้องกันระงมทำให้ต้องรีบเร่งออกจากพื้นที่ รวมทั้งข้าวของก็เต็มรถไปหมด ทำให้ไม่ได้ปิดฝาท้ายรถ ก็ตั้งใจว่าจะวิ่งออกไปสักพักพอพ้นวิถีกระสุนก็จะจัดเรียงของใหม่แล้วค่อยปิดฝาท้าย พอวิ่งออกไปสักพักก็จอดเก็บของแล้วก็ปิดฝาท้ายรถ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรตกหล่น แต่พอไปถึงศูนย์พักพิงพอเก็บของลงรถถึงได้รู้ว่ากระสอบผ้าไหมหายไป ที่แรกก็คิดว่าลืมเอาขึ้นรถ แต่พอวันหลังกลับมาดูที่บ้านจึงได้รู้ว่ากระสอบผ้าไหมหายไปแล้วจริงๆ ก็รู้สึกเสียดาย และสงสารแม่มาก
Advertisement