เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่จุดที่พักของครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์การปะทะด้านชายแดนไทย-กัมพูชา หลังคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิตนายละ 10,000,000 บาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิตรายละ 8,000,000 บาท พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอมที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน
โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางน้อย ทราธร อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวรุ่งรัตน์ และเป็นคุณยายน้องผักบุ้ง และน้องฟรีคิก ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดตกลงที่เซเว่นปั๊มน้ำมันบ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ โดยได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้ตนต้องสูญเสียลูกสาวและหลานๆทั้ง 3 คนไป มันเกิดขึ้นเร็วมาก โดยที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน แต่ก็ได้แต่คิดว่ามันเกิดขึ้นและสูญเสียไปแล้วเอาอะไรกลับคืนมาไม่ได้ ได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจกันและกัน
น้องผักบุ้งและน้องฟรีคิก เป็นเด็กน่ารักนิสัยดีเรียนหนังสือเก่ง น้องผักบุ้งเป็นตัวแทนของโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา หลังจากที่ฌาปนกิจเสร็จและเก็บอัฐิไปเมื่อวาน ตนก็ได้นำอัฐิของลูกสาวและหลานไปไว้ที่บ้าน เพื่อรอเหตุการณ์สงบ ตนจะไปลอยอังคารที่ทะเลเพราะลูกและหลานเป็นคนชอบเที่ยวทะเล
หลังจากที่รัฐบาลประชุม ครม.เสร็จและมีการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชา ทหารที่เสียชีวิตจ่ายนายละ 10 ล้านบาท ส่วนประชาชนที่เสียชีวิตจ่ายรายละ 8 ล้านบาท ตนต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่ถ้าเทียบกับการสูญเสียคนในครอบครัวที่เป็นที่รักไปพร้อมกันทั้ง 3 คนมันเทียบอะไรไม่ได้เลย แม้จะเงิน 100 หรือ 200 ล้านบาท ถ้าเป็นไปได้ตนขอเลือกชีวิตลูกและหลานตนดีกว่า เพราะลูกสาวตนจะคอยดูแลตนมาโดยตลอด และหลานสาวน้องผักบุ้งก็เป็นเด็กมีอนาคต น้องผักบุ้งเป็นเด็กตั้งใจเรียน และจะมีอนาคตที่ดีในอนาคตเป็นความหวังของครอบครัว หลังจากที่สูญเสียลูกและหลานทั้ง 3 คนไป หลังจากนี้ถ้ารัฐบาลหรือหน่วยงานภาคเอกชนจะช่วยเหลือครอบครัวตน อยากให้คนในครอบครัวคือน้องสาวของรุ่งรัตน์ ได้มาทำงานใกล้บ้าน เพื่อที่จะได้มาดูแลตน เพราะตนและสามีก็แก่แล้วไม่มีใครดูแลใกล้ชิด
ส่วนเรื่องการสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชา ตนอยากให้รัฐบาลหรือทหารเคลียร์ให้จบ ไม่อยากให้เหตุการณ์ต้องยืดเยื้อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะกลัวว่าจะเกิดการสูญเสียไปมากกว่านี้ ตนไม่อยากให้ครอบครัวใครมาสูญเสียเหมือนครอบครัวของตนอีก ถ้าจะสู้รบก็เอาให้จบโดยเร็ว หรือถ้าจะคุยก็ขอให้คุยให้จบไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะตนเองก็อยู่ลำบากอยากกลับบ้านอยากไปใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ถึงอย่างไรตนก็ไม่เชื่อใจฮุนเซน เพราะฮุนเซนไว้ใจไม่ได้
Advertisement