ทีมข่าวอมรินทร์ได้เดินทางไปพบกับนางสะทน และ นายสุธีร์ กันภัย ย่าและปู่ ของ น้ำโขง เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์ระเบิดตกภายในบ้านพัก ได้เปิดใจกับทีมข่าว หลังจากสูญเสียหลานชายอันเป็นที่รัก และลูกชายก็ยังมีอาการสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
นางสะทน เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเร็วมาก เราอยู่ที่บ้านอยู่เก็บของเสร็จแล้ว รอตากลับมาจากเลี้ยงควาย แล้วก็ไปรับหลานมาจากโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว มีหลานทั้งหมด 2 คน คือ น้ำค้าง และ น้ำโขง จากนั้น ยายได้ยินเสียงดังสนั่น และควันโขมง เป็นลูกแรกเลย ตอนนั้นได้แต่วิ่งหาว่าลูกหลานอยู่ไหน ควันโขมงไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย และพอควันจางลง ตนก็รีบวิ่งออกมาหน้าบ้านปรากฏว่าเห็นลูกหลานนอนระเนระราด หลานชายคนเล็กนอนคว่ำหน้ากับพื้น ตนก็ร้องไห้ออกมาจนแทบสลบ
ลูกชายได้วิ่งมาหาและถามว่า “ แม่ น้ำโขงอยู่ไหน ”ตัวลูกชายเองก็บาดเจ็บ พร้อมกับคลานเพื่อเข้าไปหาลูก ก่อนที่จะเอาผ้าเช็ดเลือดให้ลูก ในตอนนั้นตนบอกลูกชายว่า “ ไม่ต้องคลาน เดี๋ยวแม่ไปเอาผ้ามาเช็ดให้เอง” ก็ร้องไห้และอุ้มหลานเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่จะเรียกให้คนมาช่วย แต่ตอนนั้นไม่มีใครเลยซักคน ขณะที่หลานอีกคน ก็บาดเจ็บเหมือนกัน จนพยายามเรียกสติหลาน แต่หลานนอนหายใจรวยริน
พอผ่านไป 30 นาที อบต.ในหมู่บ้าน ก็ขับรถผ่าน จากนั้นก็ให้ขึ้นรถเลย เพราะเห็นว่ารอรถกู้ชีพไม่ไหวแล้ว ซึ่งเขาก็มีน้ำใจมาก ขับรถมาได้ครึ่งทางหลานคนเล็กก็นอนหายใจรวยริน สุดท้ายก็เสียชีวิตในอ้อมกอดของตน ไม่ทันได้ไปถึงที่โรงพยาบาล พอไปถึงที่โรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่า “ สมองไหล หลานไม่รอดหรอก” ส่วนพ่อของน้ำโขงก็พยายามสอบถามอาการของลูกชายตลอด ซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ทางครอบครัวยังไม่ได้บอกความจริงให้กับลูกชายได้ทราบว่าตอนนี้ น้ำโขงได้เสียชีวิตแล้ว เพราะกลัวว่าลูกชายจะอาการทรุดลง
ทั้งนี้นางสะทน บอกว่า ตอนนี้ตนเองก็ยังผวาและกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากจะขอประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่ทำรุนแรงกับประชาชนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วย
Advertisement