วันที่ 20 ก.ค.2568 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สน.สมเด็จเจ้าพระยา นายอัครวิชญ์ เนติพงษ์ ผู้รับมอบอำนาจ จากบริษัท แอ็ควานซ์ อะโกร เอเชีย จำกัด และบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางนำเอกสารโฉนดที่ดิน รวม 217 แปลง ส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.อภิชาติ ปิ่นวัฒนา รอง สว.(สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาแจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์เอาไว้เมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม)
โดยนายอัครวิชญ์ บอกว่า เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ตอนที่อดีตรองผบ.ตร. ยังเป็นพระ ได้เข้าไปที่บริษัทที่ อยู่ภายในอาคาร ITF ย่านสีลม กทม. และบริษัทที่พัฒนนิคม จ.ชลบุรี โดยอดีตรองผบ.ตร. ได้หยิบเอาเอกสารส่วนตัวของบริษัท ที่เป็นเอกสารสำคัญ เช่น เช็ค สมุดบัญชีธนาคาร รวมถึงสัญญาซื้อขายเกี่ยวกับที่ดิน และสัญญาโรงงานไฟฟ้า ซึ่งหยิบไปโดยพละการ แม้ว่าขณะนั้นจะมีพนักงานอยู่ แต่ว่าพนักงานก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร ส่วนเขาจะเอาเอกสารไปทำอะไรนั้นตนก็ไม่ทราบ
ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ตนได้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบริษัทไปแจ้งความไว้ที่สน.บางรัก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ข้อหาบุกรุกและลักทรัพย์ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการในเชิงรุก เพราะอยากให้พูดคุยเจรจาและนำเอกสารมาคืนกัน โดยสาเหตุที่มาแจ้งความช้าเนื่องจากจะต้องตรวจสอบเอกสารว่าคู่กรณีเอาเอกสารอะไรไปบ้าง โดยที่ผ่านมาตนไม่ได้มีการพูดคุยกับอีกฝ่าย ส่วนอดีตภรรยาจะมีการพูดคุยหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องระหว่างเขา
นายอัครวิชญ์ บอกอีกว่า ตำแหน่งของอดีตรองผบ.ตร. เป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นบริษัทมหาชนใครก็สามารถถือหุ้นได้ แต่อำนาจบริหารอยู่ที่บอร์ดกรรมการ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับเอกสารของบริษัท
เมื่อถามว่าก่อนที่จะหย่าร้างกับภรรยา อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นประธานของสองบริษัทนี้จริงหรือไม่ นายอัครวิชญ์ มองว่า เขารับราชการ สามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากตอนที่หย่าร้างกันอยู่ช่วงปี 58 ซึ่งขณะนั้นตัวอดีตรองผบ.ตร. ยังรับราชการตำรวจอยู่ ส่วนรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น ตนก็ไม่ทราบ
ส่วนวันนี้ที่ตนมาสน.สมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากทราบมาว่าอดีตรอง ผบ.ตร. มาแจ้งความเอาผิดกับอดีตภรรยาไว้ ในข้อหายักยอกโฉนดที่ดิน 217 แปลง โดยโฉนดนี้อยู่ในตู้เซฟภายในบ้านซอยเจริญรัช 19 ซึ่งบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทครอบครัว กุญแจของตู้เซฟก็อยู่กับอดีตรอง ผบ.ตร. ตลอด โดยขณะที่อดีตรอง ผบ.ตร. บวช และบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่ จึงต้องนำเอกสารทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ ซึ่งอดีตรอง ผบ.ตร. ก็ไม่เคยแจ้งว่าต้องการโฉนด แต่กลับมาแจ้งความ และขอหมายค้นก่อนพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นที่บ้านบางพลี (บ้านลูกน้อง) เมื่อวานนี้ แต่ก็ไม่เจอเอกสารเพราะว่าเอกสารกระจัดกระจายอยู่ ขอรางวัดที่กรมดินบ้าง ติดจำนองบ้านบ้าง แต่ตอนนี้สามารถรวบรวมได้แล้วจึงนำเอามาคืนให้ไว้กับร้อยเวรที่รับผิดชอบ ซึ่งโฉนดที่ดินนี้ไม่ใช่ชื่อของอดีตรอง ผบ.ตร.คนเดียว มีชื่อลูกอยู่ด้วย
ทั้งนี้การแจ้งความของอดีต รอง ผบ.ตร. มองว่าก็เป็นสิทธิ์ของเขา อย่างไรก็ตามฝ่ายของตนสามารถเจรจาจบลงได้
Advertisement