วันที่ 29 มิ.ย. 68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุม น.ส.จินตหรา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4725/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย. 67
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดโทรศัพท์ติดต่อ โดยอ้างว่าเป็นพนักงานของบัตรเครดิตธนาคารแห่งหนึ่ง และบอกกับผู้เสียหาย ว่ามีบัตรเครดิตอีก 1 ใบ ยังค้างชำระอยู่ และได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองน่าน โดยอำนวยความสะดวกติดต่อให้
ต่อมามีกลุ่มบุคคลเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน ได้แอดไลน์มาคุยกับผู้เสียหาย โดยมีชายหนึ่งในนั้นแต่งชุดตำรวจในเครื่องแบบ และเห็นหน้าชัดเจน บอกว่าตนเองเป็นผู้กำกับ สภ.เมืองน่าน จะทำการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย เนื่องจากตรวจพบว่าบัญชีธนาคารเกี่ยวข้องกับคดีบัญชีม้า และยาเสพติด ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินให้คนร้ายที่บัญชีธนาคาร 3 ครั้ง 3 แห่งด้วยกัน รวมความเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท หนึ่งในบัญชีนั้น เป็นชื่อของ น.ส.จินตหรา
ผู้ต้องหารายนี้จึงได้ทำการสืบสวน และติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ ก่อนจะทราบว่า น.ส.จินตหราจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังตะเคียน เข้าตรวจสอบก่อนแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นไปหลายครั้ง โดยได้มีนายหน้า ซึ่งจำชื่อสกุล และหน้าตาไม่ได้ เป็นคนจัดการ พาไปเปิดบัญชีธนาคาร ผูกบัญชีกับโทรศัพท์ และอื่นๆ จากนั้นได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อสกุล นำโทรศัพท์มาให้สแกนใบหน้า ที่บ้านพัก ใน จ.สระแก้ว เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง ได้รับค่าจ้าง 12,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ปัจจุบันมิจฉาชีพ ยังคงมีการโทรมาที่ผู้เสียหายและวิดีโอคอลแต่งชุดตำรวจ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ, DSI, ธนาคาร, ค่ายโทรศัพท์ รวมถึง บริษัทขนส่งต่างๆ โดยจะบอกข้อมูลของเราถูกต้องทั้งชื่อ-สกุล เลขบัตรประชาชน เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ก่อนจะหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงิน ดังนั้น ถ้ามีเบอร์แปลกๆ โทรมา ควรตัดสายทิ้ง และปรึกษาคนใกลตัว หรือสถานี้ตำรวจใกล้บ้าน
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
Advertisement