อี้-แทนคุณ พาผู้เสียหายสมัครแบดมินตันแจ้งความถูกยกเลิกยังไม่ได้เงินคืน
"อี้-แทนคุณ" พาตัวแทนผู้เสียหายกรณีผู้สมัครแบดมินตัน ของหจก.ต้นสน และยังได้รับเงินคืนหลังงานถูกยกเลิกเข้าแจ้งความ ที่สน.ประเวศเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (3 มิ.ย.68) ที่สน.ประเวศ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้พาตัวแทนผู้เสียหายกรณีแบดมินตัน ที่เคยลงสมัคร แข่งแบดมินตันกับทางหจก.ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ก่อนงานจะถูกยกเลิก และทางตัวแทนผู้จัดอ้างว่าจะโอนเงินคืนภายในวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาปรากฏว่าผู้เสียหายรับเงินคืนจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.คูคต เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.68) และในวันนี้จึงเดินทางเข้ามาพูดคุยกับ พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก. สน.ประเวศ เพื่อแจ้งความเพิ่มเติม
นายแทนคุณ ระบุว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่จัดแบดมินตันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มแข่งเดี่ยวมีค่าใช้จ่าย 1,000 บาท ค่าลูกแบด 600 บาท เป็น 1,600 บาท ประเภทคู่ 1,200 บาท ค่าลูกแบด 600 บาท เป็น 1,800 บาท รุ่นเด็ก 1,000 บาท จัดย่านรังสิต (สนามแบดมินตันพาเพลิน รังสิต ปทุมธานี) ก่อนจะถูกยกเลิกภายหลัง แต่ปรากฏว่าผู้จัดเป็นผู้จัดรายเดียวที่มีการจัดวิ่งที่สวนหลวง ร.9 ในช่วง 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และไม่สามารถจัดให้มีการวิ่งได้จริงๆ จึงได้ประสานกับผู้เสียหายว่ามีคนใดประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งทางผู้เสียหายยืนยัน จะดำเนินคดีไม่ให้เป็นแบบอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำความผิดเช่นนี้ขึ้นอีกและต้องการแบล็คลิสต์บริษัทดังกล่าว
โดยส่วนตัวมองว่าทางหจก.ต้นสน มีเจตนาที่ต้องการจัดให้เกิดกิจกรรมทางด้านกีฬาให้เกิดเกิดขึ้นจริง แต่อาจจะไม่มีความสามารถ จนทำให้เกิดความเสียหายซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายในกรณีแบดมินตันประมาณ 86 รายมูลค่าความเสียหายกว่า 100,000 บาทอาจจะเป็นมูลค่าที่ไม่มากแต่ผู้เสียหายก็มีค่าใช้จ่าย ทั้งทางจิตใจ ที่เขามีความตั้งใจที่จะมาออกกำลังกาย และค่าเดินทางต่างๆเชื่อว่ามีมูลค่ามากกว่าเงิน 100,000 บาท ซึ่ง ตอนนี้ผู้เสียหายก็มีความกังวลใจ
และเท่าที่ทราบน่าจะมีการเจรจาในเบื้องต้นทางผู้จัด และผู้สมัครไปพอสมควรแล้ว แต่ข้อสังเกตว่าทำไมถึงพยายามที่จะจัด งานประเภทนี้ขึ้นจัดขึ้นมาเพื่ออะไร อีกทั้งสิ่งของที่นำมาแจก หรือเป็นของแถม เช่น กระเป๋าเป้ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ไม้แบด เสื้อยืด อาหารกลางวัน ก็พบว่าเป็นของที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อเทียบกับค่าสมัครเป็นสิ่งที่เราสงสัยในหลายเรื่อง อย่างไรก็เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสืบหาข้อเท็จจริงว่ามีมีความผิดในฐานความผิดใดบ้าง แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
อีกทั้งยังตั้งข้อสงสัยว่าผู้จัดการบริษัททั้งสองคนนั้นเป็นนอมินีหรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นผู้บริหารจริงๆทำไมถึงไม่รู้รายละเอียดในการใช้จ่ายเงิน และไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียหายได้เลย /นอกจากนี้ตนยังได้รับเอกสารจากผู้เสียหายในงานวิ่งทิพย์มาอยู่ในมือเพื่อตรวจสอบอีกด้วย
พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาเคยเจอมิจฉาชีพ ที่ใช้ช่องว่างเห็นว่าหลอกเงินจำนวนเล็กๆน้อยๆ หลักพันบาท แต่ถ้าหากหลอกเป็นจำนวนมาก เมื่อมารวมกันก็จะเป็นเงินที่มีมูลค่า พอผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเงินเล็กๆน้อยๆจำนวนแค่หลักพันก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพราะการที่จะเอาเงินคืนนั้นก็ต้องจ้างทนายความ ในส่วนของการดำเนินคดีก็มีค่าใช้จ่าย ก็มองว่าช่างมันเถอะ ก็อาจจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้บรรดามิจฉาชีพได้ใจแต่ตนหมายถึงกรณีอื่นที่เคยเจอมา
ด้าน นางสาว นพรัตน์ เจริญกุศลโสภา ผู้เสียหาย ระบุว่า ที่ผ่านมาก็มักจะไปสมัครการแข่งขันแบดมินตันอยู่เป็นประจำ จะไปลงสมัครตามระดับความสามารถของเรา พอเห็นทาง หจก.ต้นสน มีการชักชวนมาลงสมัครแข่งมินตั้นเห็นว่าน่าสนใจเลยชวนเพื่อนมาลงสมัคร แต่ก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงให้ของรางวัลเยอะจัง อย่างอาหารกลางวันปกติที่อื่นไม่มี
โดยเธอเสียค่าสมัครแบบคู่ 1,200 ค่าลูกแบดอีก 600 บาท เป็น 1,800 บาท มีการให้ระบุไซด์เสื้อเพราะมีการแจกเสื้อฟรีก็เป็นเหมือนกับรายการทั่วไป โดยสมัครไปในวันที่ 21 พฤษภาคม แต่พอถึงวันที่ 25 พฤษภาคม งานทิพย์แดงขึ้นมา จนเราเห็นว่าเป็นผู้จัดคนเดียวกัน จึงทักไปหาทางผู้จัด เพราะปกติแล้วเราสามารถถอนตัว และขอเงินคืนก่อนวันที่ปิดรับสมัครเพื่อที่จะรับเงินคืน เราก็เลยบอกเขาว่าขอถอนตัวได้ไหม เขาโทรกลับมาบอกว่า “เดี๋ยวขอคุยกับทางสนามก่อนว่าทางสนามยังจะอนุมัติให้จัดการแข่งขันอยู่หรือไม่ เพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของทางสนามถ้าตกลงกันได้แล้วจะแจ้งข่าวกลับมาอีกที” แต่ระหว่างนั้นก็ได้ทักไปที่สนามว่าทางผู้จัดมีการจองสนามเพื่อจัดการแข่งขันหรือไม่ ทางสนามบอกว่ามีการตกลงจองสนามเพื่อจัดการแข่งขันจริง
จนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม ทางสนามบอกว่าขอยกเลิกการแข่งขัน จึงมีการเปิดกลุ่มไลน์อีกกลุ่มนึงเพื่อให้ผู้เสียหายเข้ามา และแจ้งว่าใครโอนเงินแล้วบ้างให้ส่งสลิปส่วนตัวมาให้เขา เพื่อจะจัดลำดับและจะโอนเงินคืน และบอกว่าจะโอนเงินคืนในวันที่ 1 มิถุนายนซึ่งเป็นวันที่จัดการแข่งขัน และเขาได้ส่งบันทึกประจำวันที่สน.ประเวศไปว่าจะคืนเงินให้กับผู้สมัครทุกคนในวันที่ 1 มิถุนายน จึงทักไปถามว่าโอนถึงไหนแล้วลำดับที่เท่าไรแล้ว เขาบอกว่าบัญชีเขาถูกอายัดแต่มีบัญชีสำรองสามารถจ่ายให้ได้ บอกว่าจะเริ่มตอน 11 โมงของวันที่ 1 มิ.ย.68
โดยเราเห็นว่ามีหน้าม้าประมาณ 2-3 คน ที่บอกว่าได้รับเงินคืนแล้วแต่ผิดสังเกตตรงที่เขาไม่ทิ้งสลิปเงินเอาไว้แล้วก็ออกจากกลุ่มไปเลย เราจึงรวมตัวกันว่าถ้าวันที่ 1 มิ.ย. เรายังไม่ได้เงินเราจะไปแจ้งความกัน สรุปว่าในวันที่ 1 เขาก็ไม่ได้โอนเงินคืนผู้เสียหายจึงรวมตัวกันไปแจ้งความ
ด้าน นายอัครพล แดงโสภณ ผู้เสียหายอีกหนึ่งราย เล่าว่า ในวันที่ 1 มิถุนายน ปรากฏว่าไม่มีการโอนเงินจริง ผู้เสียหายจึงรวมตัวกันไปแจ้งความที่สภ. คูคต พอช่วงเช้าไปถึงก็มีผู้เสียหายไปแล้ว จนกระทั่งทางผู้จัดทราบข่าว ทางผู้จัดก็โทรมาที่สถานีตำรวจว่าจะเข้ามาคุยกับทางผู้เสียหาย ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. พอเขามาถึงเข้ามาก็นั่งคุย ชี้แจงว่าทำไมถึงจัดไม่ได้ และเขาพยายามที่จะบอกว่าเขามีเงินจริงๆ เป็นเงินสำรองส่วนตัว สามารถที่จะโอนเงินคืนให้ได้ แต่เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะโอนเงินคืน ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่าบัญชีของบริษัทถูกอายัด แต่เขาก็ควรจะเงินสำรองที่เอามารับผิดชอบผู้เสียหาย
และตอนนี้เราไม่เชื่อเขาแล้วว่าเราจะได้เงินคืน ต่อให้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก 1800 บาท แต่สำหรับบางคนมันก็เป็นจำนวนเงินที่เยอะ อีกทั้งถ้าเอาเงินมารวมกันหลายหลายคนมันก็เป็นความเสียหายที่มูลค่าเป็นหลัก 100,000 บาท และตอนสัมภาษณ์หรือตอนคุยกันเขาทั้งสองคนก็ดูไม่มีข้อมูลในส่วนตัวตัวเลขเลย และมีความสงสัยว่าเขาบริหารเงินในก้อนนี้อย่างไร ทำไมถึงไม่รู้เงินจำนวนนี้
อีกทั้งของรางวัลที่เขาจะให้มันค่อนข้างเยอะ ถ้าการแข่งขันปกติก็จะมีเงินรางวัลตามที่ประกาศ และเป็นถ้วยรางวัลตามที่อันดับที่ตนเองแข่งได้แค่นั้น แต่ในกรณีนี้ของที่จะให้ผู้สมัครมันค่อนข้างมากเกินค่าสมัคร และสิ่งที่เขาจะได้ถ้ามองในมุมของธุรกิจ ธุรกิจก็รันไม่ได้ ถ้าเขาจะทำให้มันขาดทุนเขาก็จะต้องมีเงินที่ซัพพอร์ต
อีกทั้งยังต้องข้อสังเกตว่าปกติงานวิ่งอย่างนี้จะมีทีมงานคอยประเมินความสามารถของนักกีฬาว่าจะต้องลงประเภทไหนแต่ในกรณีนี้ ผู้จัดไม่มีความรู้ในการประเมินความสามารถของผู้สมัคร เขาอ้างอิงจากประวัติการแข่งย้อนหลัง แต่ไม่ได้ดูเรื่องของการเล่น มองว่าทางผู้จัดไม่มีทักษะในการเล่นแบดมินตัน และถ้าเขาไม่มีความสามารถเขาควรจะจ้างออแกไนซ์ในการจัดงานแต่ก็ไม่มีทีมออแกไนซ์มาดูแลในส่วนตรงนี้
Advertisement
