Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยอมทรยศเพื่อความจริง "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" อดีตมือขวา "บิ๊กโจ๊ก" เปิดหน้าสู้

ยอมทรยศเพื่อความจริง "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" อดีตมือขวา "บิ๊กโจ๊ก" เปิดหน้าสู้

31 ธ.ค. 68
15:27 น.
แชร์

ยอมทรยศเพื่อความจริง! "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" อดีตมือขวา "บิ๊กโจ๊ก" เปิดหน้าสู้ หลังต้องทนอยู่ในบ่วงกรรมมานานกว่า 10 ปี แฉยับพฤติกรรมโหดทำร้าย 

วันที่ 31 ธ.ค. 68 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อดีตรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และอดีตลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เปิดเผยว่า การออกมาเปิดหน้าในวันนี้ พร้อมนำหลักฐานมาให้กับทางตำรวจ เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ เรื่อง ที่เห็นน้องๆ ต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกบังคับให้รับผิดแทน ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบและได้รับความลำบาก พร้อมทั้งมีการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในคลิปที่นำไปมอบให้กับตำรวจ เพื่อให้ตนเองเป็นผู้กระทำความผิด รวมถึงคลิปในคดีอื่นๆ หลายๆ คดี ที่พี่ๆน้องๆ ในตำรวจที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วยกันต้องแบกรับในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ ซึ่งมีผลต่อครอบครัว จึงเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ออกมาในวันนี้” 

เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวที่ออกมาว่าการเปิดหน้าหรือยอมออกมาให้ข้อมูลในวันนี้ เพื่อแลกกับการกลับมารับราชการในอาชีพตำรวจอีกครั้ง พ.ต.อ.ภาคภูมิ ตอบว่า “ถ้าจำได้ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ตนเองเคยทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาตนเองออกจากราชการ เพราะตอนนั้นยังอยู่ในราชการอยู่ เพื่อให้ตนออกมาต่อสู้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งได้อย่างเต็มตัว แต่ติดที่ตนเองมีคดีวินัย ซึ่งเป็นคดีอาญา ไม่สามารถลาออกได้ ก่อนจะถูกไล่ออกออกจากราชการ ถ้าสังเกตที่ผ่านมาตนเองไม่เคยออกไปเรียกร้องที่ไหนเลย มีแต่ต่อสู้ไปทั้งคดีอาญาและคดีวินัย เพื่อให้ตนเองได้กลับเข้ามารับราชการ ไปฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนที่มีพฤติกรรมนั้นท่านคงเห็นอยู่แล้วว่าเป็นใคร“ 

ส่วนกรณีที่มีลูกน้องต่างๆ เคยถูกทำร้ายนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ บอกว่า ”เรื่องนี้คนที่ถูกกระทำเช่นนั้น คงเข้าไปให้การแล้ว ส่วนตัวไม่ขอเปิดเผย เพราะว่าตอนนี้พยานในคดีต่างๆ ถูกรบกวน ซึ่งมันเป็นอันตรายหรือทำให้เสียรูปคดี แต่ตนเองขอยืนยันว่าเคยเห็นบางเหตุการณ์และมีพยานอื่นๆ เห็นในบางเหตุการณ์จริง ยืนยันมีการทำร้ายจริงๆ“ 

“วันนี้น้องๆ หลายๆ คนก็กลัว ที่ผ่านมาไม่กล้าออกมากัน แต่วันนี้ตนเองตัดสินใจออกมา ก็เพราะสงสารน้องๆ เหล่านั้น ผมเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า จะเอาชนะความเท็จด้วยความจริง ต่อสู้อย่างเปิดเผย เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก และในวันที่ผมเดินออกมา ผมรู้อยู่แล้ว ว่าต้องเผชิญอะไร ต้องเจอกับอะไร มันรู้วิธีการกันอยู่ ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก็มีการพยายามติดต่อมาทางคนที่รู้จักกับผมว่าอยากคุยด้วย อยากพบเจอ พอเราตัดขาดการติดต่อไป ก็เริ่มมีไอโอเข้ามาทำลายพ่อแม่ผม ครอบครัวผม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกินความคาดหมาย ว่าผมจะต้องเจอ แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูดความจริง ขบวนการนี้และวิธีการนี้ก็ยังคงอยู่ ก็ยังทำลายคนอยู่ตลอดเวลา” พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าว 

พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ขายนาย แต่ถ้ามันต้องทำเพื่อน้องๆ เพื่อตำรวจส่วนร่วม เพื่อองค์กร ถ้าจะต้องถูกว่าหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ขายนายหรือทรยศหักหลังอะไรก็ตาม ถ้าการพูดความจริงแล้วมันทำให้คนอื่นได้รับความเป็นธรรม หรือให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่างๆ ที่ต้องทนรับมาเป็นเวลา 10 ปี ให้ทรยศอีก 40 ครั้ง ตนเองก็ไม่ลังเล 

ส่วนความปลอดภัยของน้องๆ ที่ออกมาในวันนี้ บางคนได้รับการดูแลคุ้มครองแล้ว แต่สำหรับตน ตนไม่กลัว และไม่มีอะไรจะพูดถึงท่าน แต่ถ้าต้องพูด ก็อยากจะบอกว่า “ท่านคงรู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือสิ่งไหนเท็จ ผมว่าละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายมันหนีความจริงไม่พ้น” 

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกมาให้บอกว่าเสียความรู้สึกนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ บอกว่า “ตนเองไม่ได้โกรธท่าน และยังเคารพท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ท่านเคยสนับสนุนต่างๆ ตนเองยังรำลึกในบุญคุณของท่าน แต่ก็ต้องแยกแยะ และท่านต้องทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ทำอะไรได้ให้ท่ารบ้าง ในผลงานที่ท่านพูดถึง มีคดีไหนหรือเรื่องไหน ที่ตนเองไม่ได้ทำ ต้องแยกแยะระหว่างบุญคุณกับความถูกต้อง” 

ส่วนรายละเอียดทางคดี หรือเอกสารต่างๆ ที่นำมามอบให้กับทางตำรวจ ขอให้รอแถลงใหญ่ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุต่างๆ ที่จะต้องรวบรวม โดยตอนี้มันมีกระบวนการเข้าไปข่มขู่พยานและทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่หลังจากวันที่ 5 ม.ค.นี้ จะมีความชัดเจนทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ต้องห่วง เพราะความจริงจะต้องถูกเปิดเผย รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับ ป.ป.ช. ด้วย พร้อมมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและสามารถเอาผิดได้แน่นอน 

ส่วนคดีเว็บพนัน ซึ่งเป็นคดีเก่า เชื่อว่าตำรวจกำลังหาความจริง แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับคดีทอง เป็นคนละกรรม ตนเองมีหน้าที่นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่รู้และเห็นไปให้กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันก่อน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

Advertisement

แชร์
ยอมทรยศเพื่อความจริง "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" อดีตมือขวา "บิ๊กโจ๊ก" เปิดหน้าสู้